"ปลัดคมนาคม" โต้โจร ยันไม่มีเงินสดถึงพันล้านในบ้าน ระบุบ้านไม่ใช่ปราสาทหรือราชวังถึงจะมีที่เก็บเงินขนาดนั้น ย้ำเป็นเงินสินสอดและรับไหว้ลูกสาว ไม่ใช่เงินส่วนตัว เผยยังไม่ได้รับการติดต่อจาก ป.ป.ช.ว่าจะสอบเรื่องดังกล่าว
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์กรณีถูกคนร้ายเข้าปล้นบ้านและให้การว่ามีเงินในบ้านถึง 1,000 ล้านบาท แต่ไม่สามารถเอาออกมาหมดได้ นำมาได้เพียง 200 ล้านบาทเท่านั้น ว่า เป็นเรื่องดิสเครดิตกันมากกว่า ต้องดูตามข้อเท็จจริงว่า เงินพันล้านจะเก็บอย่างไร และที่บ้านก็ไม่ใช่ปราสาท หรือราชวัง ที่จะมีที่เก็บเงินขนาดนั้น ก็ต้องดูกันเองตามข้อเท็จจริงว่าจะเชื่อได้หรือไม่ ซึ่งหากมีจริงคนร้ายขับรถกระบะมาแล้วทำไมถึงนำเงิน 1,000 ล้านไปได้ไม่หมด ก็อยากจะให้ดูตามข้อเท็จจริงก่อน ส่วนเงินที่ทางคนร้ายได้ไป ก็เป็นเงินสินสอดและเงินรับไหว้ของลูกสาว ถ้าถามว่าเท่าไรก็ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังไม่ได้นับ แค่นำมารวมๆ กันไว้ แต่ยืนยันได้ว่าไม่มีเงินส่วนตัวของตนแน่นอน เพราะจะไม่เก็บเงินส่วนตัวไว้ที่บ้านอยู่แล้ว
"คุณก็ต้องดูว่า เงินพันล้านมันต้องเก็บยังไง แล้วเงินมันก็เหมือนกับเป็นการดิสเครดิตกันอะไรกัน ส่วนเงิน 200 ล้านที่บอกว่าได้ไป มันไม่ใช่ มันมีที่ไหน มันก็เอามาพูดกัน มันไม่ใช่ต้องพูดว่าถ้ามีเป็น 1,000 ล้าน หรือ 200 ล้าน ถ้ามีจริงแล้วมันจะเก็บยังไง เงิน 200 ล้านนี่มันเงินขนาดเท่าไร แบงก์ 1,000 ปึกละ 1,000 นี่ 200 ปึกแล้ว จะเก็บยังไง ถ้าดูตามข้อเท็จจริงแล้วคนที่มาบอกว่าเอาไป 200 ล้าน เพราะเอาไปไม่หมด ท้ังๆ ที่ขับรถปิกอัพมา ถ้ามีจริงทำไมจะเอาไปหมดไม่ได้ มันดูตามข้อเท็จจริงก่อน ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง" ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริจแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการติดต่อว่าจะสอบหรือยังจากกรณีดังกล่าว และติดใจสงสัยคนในบ้านว่าจะเป็นไส้ศึกหรือไม่ นายสุพจน์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบเลย เพราะทาง ป.ป.ช.ยังไม่ได้ติดต่อมา ส่วนหน้าตาคนร้ายตนก็ไม่คุ้นหน้า และก็ไม่ติดใจสงสัยคนในบ้านว่าจะเป็นไส้ศึกด้วย เพราะวันที่คนร้ายขึ้นบ้าน เด็กในบ้านก็โทรหาตนทันที และเช็กเวลากันแล้วมันเพียงนาทีเดียวที่คนร้ายขึ้นบ้าน ตนก็ได้รับโทรศัพท์จากเด็กแล้ว
ทั้งนี้ เมืิ่อวันที่ 17 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชมชื่น อายุ 44 ปี และนายเสาร์แก้ว หรือแก้ว นามวงค์ อายุ 59 ปี ข้อหาปล้นทรัพย์ พร้อมของกลางเงินสดรวม 2,822,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 2 เส้น โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง เครื่องช็อตไฟฟ้า 3 เครื่อง และอุปกรณ์เครื่องมือช่างประเทภคีมและไขควงอีก 1 ชุด โดยจับกุมนายสิงห์ทองได้ที่ห้องพักย่านคลองตัน ส่วนนายเสาร์แก้วถูกจับกุมได้ที่บ้านพักใน จ.เชียงราย
จากการสอบสวน นายเสาร์แก้ว ให้การรับสารภาพว่า การลงมือครั้งนี้ มีนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี หัวหน้าแก๊ง เป็นผู้ชักชวนและวางแผนกันมานานประมาณ 1 ปีแล้ว โดยนายวีระศักดิ์บอกเหตุผลที่เลือกปล้นบ้านหลังนี้ว่า มีเงินสดที่ได้จากการโกงชาวบ้านมาเก็บไว้จำนวนมาก ซึ่งคืนที่ลงมือก่อเหตุ นายวีระศักดิ์รับหน้าที่เป็นผู้ขับรถกระบะคันดังกล่าวพาพวกตนอีก 4 คน ไปที่บ้านผู้เสียหาย มีนายคำนวณ เมฆน้อย อายุ 38 ปี สมาชิกในแก๊งอีกคน เป็นผู้คอยประสานงาน และเช็กความเคลื่อนไหวของเจ้าของบ้าน อยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง พอพวกตนเดินทางไปถึง นายวีระศักดิ์ก็ใช้เครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เครื่องตัดสัญญาณกล้องวงจรปิด และเครื่องตัดสัญญาณประตูรีโมตหน้าบ้านที่เตรียมมาด้วย ปล่อยสัญญาณออกไปไม่ให้อุปกรณ์ต่างๆ เหล่านั้นสามารถใช้การได้
นายเสาร์แก้ว ให้การรับสารภาพอีกว่า หลังจากนั้นทีมงานทั้งหมด 5 คน ก็รีบลงจากรถจัดการอำพรางตัวด้วยการสวมหมวกไหมพรมและถุงมือ เตรียมวิทยุสื่อสาร เครื่องช็อตไฟฟ้า และชะแลงที่เตรียมมา และแบ่งหน้าที่กันมาเรียบร้อยแล้ว บุกเข้าไปลงมือก่อเหตุจับแม่บ้าน 2 คนมัดมือ บังคับให้พาขึ้นไปบนห้องนอนของเจ้าของบ้าน โดยนายวีระศักดิ์จะเป็นผู้สั่งการ ย้ำให้พวกตนทั้ง 4 คน รื้อค้นถุงและกระเป๋าในตู้เสื้อผ้าออกมากรีด โกยเงินสดใส่กระสอบที่เตรียมมาให้หมด ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ รวมถึงเงินสินสอดของลูกสาวเจ้าของบ้านที่เพิ่งแต่งงานวางล่อใจอยู่นั้น นายวีระศักดิ์กำชับว่าไม่ต้องไปแตะต้อง โดยตนคาดเอาว่า ยอดเงินสดที่ช่วยกันโกยมาได้จากในตู้เสื้อผ้า ทั้งหมดไม่น่าจะต่ำกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนใหญ่ที่ยังเหลือนั้นอยู่บนรถกระบะที่นายวีระศักดิ์ขับหลบหนีไป และตนเชื่อว่าคงหลบหนีไปได้ไกลแล้ว.
...