ประชาชนริมน้ำวัง จ.ลำปาง หนีน้ำท่วมเตรียมพร้อมย้ายสิ่งของ ขณะที่สังเวย "นกเตน" แล้วอีก 1ศพ ขณะที่ระดับน้ำปิงเชียงใหม่ เลยจุด"วิกฤติท่วมเมือง"เทศบาลฯระดมกระสอบทรายเสริม ด้าน สุโขทัยระทมท่วมซ้ำสอง ส่วน จ.อุตรดิตถ์ เร่งหาทางรับมือน้ำหลาก...

เมื่อวันที่ 2 ส.ค. นายนิมิตร จิวะสันติดการ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครลำปาง ให้เจ้าหน้าที่ออกประกาศเตือนประชาชนที่มีบ้าน อยู่สองฟากฝั่งแม่น้ำวังให้เตรียมขนย้ายสิ่งของไว้ในที่สูงเนื่องจากระดับ น้ำในแม่น้ำวังสูงขึ้นตามลำดับเนื่องจากทางเขื่อนกิ่วลมซึ่งอยู่เหนือของ พื้นที่ จ.ลำปางทั้งหมดมีการปล่อยน้ำสู่แม่น้ำวังและผลจากน้ำท้ายเขื่อนด้านล่างไหล มาหนุนขึ้นอีก จึงให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ในขณะที่ อ.วังเหนือ อ.แจ้ห่ม อ.แม่ทะ อ.เมืองปาน อ.แม่ทะ และ อ.เมืองบางส่วนบ้านเรือนและไร่นาได้รับความเสียหายจำนวนมากเนื่องจากฤทธิ์ น้ำป่าไหลเข้าท่วมซึ่งความเสียหายหน่วยงานของราชการกำลังเร่งสำรวจเพื่อ เตรียมช่วยเหลือต่อไป



ในขณะที่นายอธิคม สุพรรณพงศ์ ผวจ.ลำปางในฐานะหัวหน้าศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันปัญหาอุทกภัยได้สั่งให้ หัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานจำนวน 46 หน่วย ให้เตรียมพร้อมเพื่อแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่ง จ.ลำปางมีพื้นที่เสี่ยงภัย 428 หมู่บ้านใน 78 ตำบล 13 อำเภอ ส่วนหมู่บ้านที่มีความเสี่ยงสูงมี 285 หมู่บ้าน

ด้าน นายชัยประเสริฐ เนตรอนงค์ ผอ.โครงการเขื่อนกิ่วลม-เขื่อนกิ่วคอหมา จ.ลำปาง กล่าวว่า เมื่อทางเขื่อนกิ่วลมจำเป็นต้องปล่อยน้ำจากเขื่อนกิ่วลม เนื่องจากยังมีฝนตกหนัก ซึ่งเขื่อนกิ่วลมในขณะนี้มีน้ำประมาณ 87% ซึ่งประชาชนที่มีบ้านอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำวังจะได้รับผลกระทบบ้าง

...



ต่อ มาเมื่อเวลา 12.10 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.จิตตพล วงษ์วัน ผกก.สภ.ทุ่งฝาย อ.เมืองลำปาง ก็ได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านจมน้ำเสียชีวิตบริเวณกลางทุ่งนา บ้านหมู่ 4 ต.ทุ่งฝาย ขณะกำลังออกไปกั้นน้ำไม่ให้ลงแปลลงนาที่ข้าวกำลังงอกงามแต่ถูกกระแสน้ำใน ลำห้วยพัดจมน้ำเสียชีวิต ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายเทียม ชัยวงค์ อายุ 49 ปี เป็นชาวบ้าน หมู่ 4 ต.ทุ่งฝาย และเป็นศพแรกที่สังเวยพิษนกเตน



ผู้สื่อข่าวเชียงใหม่รายงานมาว่า เมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ (2 ส.ค.) ทางเทศบาลนครเชียยงใหม่ ได้แจ้งให้ชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่ สองฝากฝังน้ำปิงได้ทะยอยเก็บของไปไว้ในที่สูง เนื่องจากระดับน้ำปิงสูงเกินจุดวิกฤตของทางศูนย์อุทกวิทยาที่ (ที่กำหนดไว้ 3.70 เมตร) ซึ่งตอนเที่ยงวันนี้ ที่สถานีวัดระดับน้ำ P1 สะพานนวรัฐ อ.เมือง เชียงใหม่ วัดระดับน้ำปิงได้ 3.74 เมตร เลยจุดวิกฤตมาแล้ว 4 ซ.ม.ถ้าหากสถานการณ์น้ำปิงยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในตอนเย็นวันนี้ น้ำอาจท่วมเมืองเชียงใหม่ได้ ขณะเดียวกัน ทางนายชาตรี เชื้อมะโนชาญ รอง นายกเทศมนตรีเทศบาลนคครเชียงใหม่ได้ ร่วมกับทางนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ระดมเจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนครเชียงใหม่ และประสานขอความร่วมมือกับทหารจากค่ายกาวิละ มทบ.ที่ 33 นำทราบบรรจุใส่กระสอบเพื่อนำไปทำทำนบกั้นสองฝากฝั่งของลำน้ำปิง



รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนคครเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้ ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้แจ้งให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ 2 ฝากฝังของน้ำปิงขนย้ายข้าวของแล้ว และทางเศบาลนครเชียงใหม่ ได้นำกระสอบทรายไปทำทำนบกั้นเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้่าไปท่วมบ้านเรือนของราษฎร ได้ ซึ่งคาดว่าว่าทำนบกระสอบทรายของเทศบาลฯจำสามารถต้านน้ำได้ สูงถึง 3.90 เมตร ส่วนที่จุดที่ยังน่าเป็นห่วงขณะนี้คือในเขตแขวงเม็งราย คือหมู่บ้านฟ็อกแลนด์ ซอยในโรงเรียนชัยโรจน์วิทยา และย่านโรงเรียนพฤทัย ถ.เจริญประเทศ ซึ่งโซนนี้จะอยู่ติดกับน้ำปิงและเป็นที่ลุ่มต่ำอีกด้วย

...



"ขณะนี้ ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ กำลังเฝ้าติดตามระดับน้ำจากทางเหนือขึ้นไปของเชียงใหม่ คือลำน้ำแม่แตง และแม่ริม ว่าจะยังทรงตัวหรือเพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้ระดับน้ำยังคงทรงตัวอยู่ คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มในด้านเหนือเมืองเชียงใหม่ น้ำปิงก็คงไม่เพิ่มขึ้น แต่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ ก็มีการเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้แล้ว ส่วนประชาชนสามารถไปขอรับกระสอบทรายได้ที่สุสานบ้านเด่น ได้ตลอดเวลา" นายชาตรี กล่าว

ด้าน นายรุ่งปรีชา ปั๋นแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลป่าแดด อ.เมือง เชียงใหม่ ที่มีพื้นที่อยู่ติดกับเทศบาลนครเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ระดมชาวบ้านมาทำนบกระสอบทรายที่ริมแม่น้ำปิง หน้าโรงเรียนพิมานเด็ก ถ.สายป่าแดด-เกาะกลาง ซึ่งนายประชา กล่าวว่า หากระดับน้ำปิงยังอยู่ในระดับนี้ กระสอบทรายที่ทำไว้น่าจะเอาอยู่ แต่หากสูงมากขึ้นกว่านี้ คงจะต้องไหลเข้าไปท่วมบ้านเรือนราษฎรอย่างแน่นนอน และจุดนี้ ถือว่าเป็นจุดสำคัญทาง เทศบาล ต.ป่าแดด จึงต้องระดมทำทำนบทราบให้สูงขึ้นหากบล็อคจุดนี้ได้ ก็จะทำไม่ให้น้ำปิงไหลเข้าไปร่วมบ้านเรือนของชาวบ้านได้ และชาวบ้านที่อยู่ 2 ฝังน้ำปิงทาง เทศบาล ต.ป่าแดด ได้ช่วยขนของอพยพไปอยู่ที่ปลอดภัยแล้ว

...



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ 04.00น.วันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ระดับน้ำในแม่น้ำยมได้สูงขี้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพายุโซนร้อน นกเตน เคลื่อนตัวพาดผ่านทางภาคเหนือของประเทศ ทำให้หลายๆจังหวัด รวมทั้ง จ.สุโขทัย มีฝนตกชุกต่อเนื่อง ในหลายพื้นที่ ทำให้สถานการณ์น้ำในแม่น้ำยม มีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงชั่งโมงละ 10 – 15 ซม. และเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมใน 2 ตำบล ของ อ.เมืองสุโขทัย คือ ต.ปากแคว และ ต.ยางซ้าย โดยเฉพาะที่ ม.4 และ ม.6 ต.ปากแคว น้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะมีการเตรียมกระสอบทราย วางป้องกันในพื้นที่จุดเสี่ยงแล้วก็ตาม ส่งผลทำให้ ถนนจรดวิถีถ่อง(สายสุโขทัย-ศรีสำโรง) ม.4 ต.ปากแคว มีน้ำท่วมสูง 50 ซม.-80 ซม. เป็นระยะทางยาวกว่า 3 กม. รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านไปมาได้

จุดที่ท่วมหนักที่สุดคือ บริเวณหน้าสถานีจ่ายน้ำบ้านปากแคว และ วัดปากแคว ม.4 ต.ปากแคว ชาวบ้านต้องพายเรือออกจากบ้านซึ่งมีน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ออกมาหาของกินริมถนน พระสงฆ์วัดปากแคว ต้องเดินลุยน้ำออกมาบิณฑบาต นอกจากนี้ที่ ถนนสายสุโขทัย-วังไม้ขอน บ้านบางคลอง ม.6 ต.ปากแคว มีชาวบ้านได้เคลื่อนย้ายรถและข้าวของเครื่องใช้ หนีน้ำออกมาวางอยู่เต็มสองฟากถนน ทำให้การสัญจรไปมา เป็นไปด้วยความยากลำบาก นอกจากนี้ น้ำจากแม่น้ำยม ยังได้ไหลทะลักออกมาจาก แนวผนังกั้นน้ำ บริเวณเชิงสะพานโตโยต้า ทำให้ ถนนบายพาส(แยกบางแก้ว-แยกคลองโพ) ม.1 ต.ปากแคว เริ่มมีน้ำท่วมขังบ้างแล้ว

...



นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ เปิดประตูระบายน้ำยางซ้าย ต.ยางซ้าย ครบทุกบานแล้ว เพื่อเร่งระบายน้ำออกไปทางตอนใต้ของจังหวัดให้มากที่สุด พร้อมกับเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เป็นการด่วน ในเวลา 14.00น. เพื่อรับทราบสถานการณ์น้ำ และ รายงานความเสียหายจากอุกภัยในครั้งนี้ ในส่วนของเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ซึ่งถือว่า เป็นจุดเศรษฐกิจหลักของจังหวัด และ ยังเป็นพื้นที่ตั้ง ของหน่วยงานราชการหลายแห่ง

นายสามัญ รักษ์บริสุทธิศรี นายกเทศมนตรี ได้ระดมเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย นำกระสอบทรายจำนวนกว่า 5,000 ใบ วางเสริมแนวผนังกั้นน้ำ ตลอดแนวถนนนิกรเกษม โดยเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการหลายแห่ง และ บริเวณหลังตลาดสดริมน้ำ เป็นการด่วน เนื่องจากมีบางจุด ที่แนวกระสอบทรายพังลงมาจากความแรงของกระแสน้ำ นอกจากนี้ ยังได้นำรถกระจายเสียง ออกประกาศเตือนประชาชนทั่วเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้อีกด้วย



ด้าน นายบารมี หงส์ลำพอง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสุโขทัย เปิดเผยว่า จ.สุโขทัย จะต้องรองรับมวลน้ำจากจ.แพร่ ที่จะไหลลงมาสมทบกับแม่น้ำยมในจ.สุโขทัย จำนวน 3 ระลอก โดยในระลอกแรกจะเป็นน้ำจาก อ.วังชิ้น จ.แพร่ ซึ่งมีระดับการไหลของน้ำ 1,060 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที, ระลอกที่สอง จะเป็นน้ำจากน้ำโค้ง อ.เมือง แพร่ มีระดับการไหลของน้ำ 1,260 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และในระลอกที่สาม เป็นน้ำจากห้วยสัก อ.ลอง จ.แพร่ ซึ่งมีระดับการไหลของน้ำ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้พื้นที่ที่อยู่ติดกับแม่น้ำยม ต้องประสบกับอุทกภัยน้ำท่วมอย่างน้อย 7 วัน หากไม่มีพายุลูกใหม่เกิดขึ้นมาอีก ล่าสุด ระดับน้ำที่จุดวัดน้ำ บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ถ.นิกรเกษม ต.ธานี อ.เมือง วัดได้สูง 7.38 เมตร ซึ่งใกล้จะถึงจุดวิกฤติคือ 7.45 เมตร แล้ว ความคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป

ส่วนที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในการประชุมแก้ไขปัญหาอุทกภัยน้ำท่วม ในหลายอำเภอของจังหวัดอุตรดิตถ์โดยมี นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ พล.ต.พิเชฐ สุขพงศ์พิสิฐ ผบ.จทบ.อ.ต. นายวิฑูรย์ ศิริบูลย์ภักดี ปลัดจังหวัดอุตรดิตถ์ นายสุรชัย ธัชกวิน หน.สนง.ปภ.จว.อ.ต.พร้อมด้วยหน่วยนายบัญญัติ พงษ์ศรีกูร นายอำเภอตรอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 31 ก.ค.54 ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยจากพายุโซนร้อน นกเตน เคลื่อนตัวเข้ามาที่ประเทศไทยในภาคเหนือ และทำให้มีฝนตกในทุกพื้นที่ของ จังหวัดอุตรดิตถ์

จากพายุดังกล่าวทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมที่นา และบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ของอำเภอ ทองแสนขัน อำเภอน้ำปาด อำเภอฟากท่า อำเภอเมืองอุตรดิตถ์รวมทั้งวันที่ 1 ส.ค.54ที่ผ่านมา ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและที่นา ในเขตบ้านเกาะตาเพชร ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์และบางส่วนเข้าท่วมนาข้าวของราษฎร ต.วังกะพี้ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ และทางจังหวัดอุตรดิตถ์ ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 11,051 ครอบครัว จำนวนคนที่ประสบความเดือดร้อน 36,767 ราย โดย นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ รองผู้ว่าฯและปลัดจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เร่งนำถุงยังชีพ ออกแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในพื้นที่ อำเภอทองแสนขัน อ.ฟากท่า อำเภอน้ำปาด และอำเภอลับแล จำนวน 6,000 ชุด

พร้อมกันนี้ได้ประชุมหาแนวทางในการป้องกันและเตรียมแผนเผชิญเหตุ โดย ทางจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ โดย พล.ต.พิเชฐ สุขพงศ์พิสิฐ ผบ.จทบ.อ.ต.ได้เปิดศูนย์บรรเทาสาธารณภัย จังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ และจัดเตรียมกำลังพลพร้อมเครื่องมือในการช่วยเหลือหากมีการร้องขอรับการ สนับสนุน รวมทั้งได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอลงพื้นที่เข้าควบคุมดูแลสถานการณ์ อุทกภัยน้ำป่าไหลหลากในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งสั่งการให้เรือ ท้องแบน จำนวน 4 ลำไปคอยให้การช่วยเหลือยัง อำเภอพิชัย 2 ลำ อำเภอตรอน 2 ลำ พร้อมทั้งถุงยังชีพอำเภอละ 2,000 ชุดอีกด้วย

ทั้งนี้ ผวจ.อุตรดิตถ์ ไดให้สัมภาษณ์ว่า ในขณะนี้สถานการณ์น้ำยังรับมือได้และถ้าไม่มีฝนตกลงมาอีก ภายใน 2 -3 วันก็จะเร่งระบายน้ำออกได้ทันท่วงที