น่าทึ่ง...หนุ่มเจียงฮาย อดีตพลทหารชุดคุ้มครองครูใน อ.กรงปินัง จ.ยะลา สู้ชีวิตไม่มีท้อ หลังถูกโจรใต้ถล่มด้วยระเบิดแล้วยิงซ้ำ เมื่อปี 2551 จนต้องผ่าตัดสมอง ใส่กะโหลกเทียม ทำให้กลายเป็นคนพิการ อัมพาตไปครึ่งตัว หนำซ้ำหูหนวก 1 ข้าง ดวงตาพร่ามัว ทั้งที่อายุแค่ 20 กว่าปี แต่ไม่ยอมงอมืองอเท้า ขอทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง พ่อหนุ่มนักสู้เผยลูกชายไม่ต้องการเป็นภาระใคร จึงเลือกมาขายลอตเตอรี่ พอมีรายได้ประทังชีพในช่วงรักษาตัว โชคดีมีคนเห็นใจมาอุดหนุนไม่ขาดสาย เคยขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ลูกชายเป็นเหยื่อความรุนแรงใน 3 จังหวัดแดนใต้ เป็นรายสุดท้าย...

เรื่องราวชีวิตพลทหารยอดนักสู้จากเมืองพาน จ.เชียงราย ถูกส่งตัวไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำ หน้าที่ชุดคุ้มครองครู แล้วเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บสาหัส จนร่างกายอัมพาตครึ่งซีก แต่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา พยายามเลี้ยงตัวเองรายนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. หลังไปพบหนุ่มร่างกายพิการ แต่หัวใจไม่พิการ ขายลอตเตอรี่อยู่หน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.พระ มงกุฎฯ ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีกระดาษโปสเตอร์แผ่นเล็กเขียนข้อความ “พลทหารมังกรทอง ลิ้มประเสริฐ–สกุล อายุ 22 ปี สังกัด ร.7 พัน 1 ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ ทหารชุดคุ้มครองครูใต้ โดนระเบิดที่บ้านกูวา อ.กรงปินัง จ.ยะลา เมื่อปี 2551 ถูกระเบิดที่ศีรษะซ้าย และถูกยิงซ้ำที่ปาก กรามหัก 2 ข้าง เป็นอัมพาตครึ่งซีก หูเสีย 1 ข้าง ตามองเห็นภาพซ้อน พูดจาไม่ชัด แขนขาใช้การไม่ได้ ครับ ขาดรายได้ในการรักษา ขอความกรุณาอุดหนุนด้วยครับ” เป็นที่สนใจแก่ผู้ที่พบเห็น และทุกครั้งที่มีคนอุดหนุนซื้อลอตเตอรี่ หนุ่มพิการรายนี้ก็จะพูดด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ เหมือนเด็กเพิ่งหัดพูดว่า “ขอบคุณมากครับและขอให้โชคดีถูกรางวัลนะครับ”

จากการได้พูดคุยกับผู้ดูแลหนุ่มพิการที่นั่งเคียงข้างอยู่ไม่ห่าง ทราบว่าชื่อนายนพรัตน์ ลิ้มประเสริฐสกุล เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของหนุ่มพิการ กล่าวว่า มังกรทอง หรือแชมป์ ลูกชายเคยเป็นพลทหาร ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ จึงทำให้มีสภาพเช่นทุกวันนี้ คือแขนและขาซีกขวาเป็นอัมพาต ต้องใช้อุปกรณ์กายภาพยึดแขนขาเพื่อไม่ให้เสียการทรงตัว โดยเมื่อปี 2550 ลูกชายชอบเป็นทหาร จึงสมัครเป็นทหารสังกัด ร.7 พัน 1 ค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ หลังฝึกเสร็จ 3 เดือนถูกส่งไปประจำการที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำหน้าที่ชุดคุ้มครองครู ร้อย ร.753 ฉก.ยะลา 13 อ.กรงปินัง จ.ยะลา โดยช่วงแรกที่ไปประจำการ ถูกลอบวางระเบิดขณะ ลาดตระเวนเส้นทางคุ้มครองครูมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ได้รับ บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

นายนพรัตน์เล่าอีกว่า แต่เหตุร้ายที่เกิดกับลูกชายไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะในช่วงบ่ายวันที่ 28 พ.ค.2551 ขณะทำหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยเส้นทางครู โรงเรียนแบหอ อ.กรงปินัง โดยขี่มอเตอร์ไซค์ลาดตระเวนไปกับเพื่อนทหารรวม 6 คน เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณ บ.กูวา ม.1 ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง คนร้ายที่แอบซุ่มอยู่ข้างทาง ได้จุดชนวนระเบิดส่งผลให้ทหารทุกคนได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะลูกชาย ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่บริเวณขมับซ้าย และถูกยิงซ้ำเข้าที่ปากจนกรามหักได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ศูนย์ยะลา ก่อนส่งต่อมาที่ รพ.พระมงกุฎฯ ต้องผ่าตัดสมองและใส่กะโหลกเทียมเข้าไป รักษาตัวอยู่ 2 ปี จนอาการดีขึ้น แต่ผลที่ตามมาคือ สมองได้รับการกระทบกระเทือน จนส่งผลให้ร่างกายซีกขวาเป็นอัมพาต แขนและขาไร้ความรู้สึก สายตาพร่ามัวมองเห็นเป็นภาพซ้อน พูดจาไม่ชัด และต้องต่อสายยางเพื่อระบายน้ำออกจากสมองมายังบริเวณหน้าท้อง

...

นายนพรัตน์กล่าวต่อว่า ความที่บ้านอยู่ที่ จ. เชียงราย ทำให้มีความยากลำบากในการเดินทางมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ จึงตัดสินใจพาลูกชายมาเช่าบ้านอยู่หลัง รพ.พระมงกุฎฯ เพื่อให้ลูกชายได้รักษา โดยอาศัยเงินช่วยเหลือจากกองทัพบก มูลนิธิสายใจไทย และมูลนิธิของคนพิการ มาเป็นค่าใช้จ่ายประจำวันและค่าเช่าห้อง แต่ลูกชายไม่อยากเป็นภาระสังคม อยากทำงานหาเลี้ยงชีพเอง จึงได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจาก รพ.พระมงกุฎฯให้ขายลอตเตอรี่ภายในโรงพยาบาล ซึ่งหลังจากคนไข้หลายๆ คนทราบเรื่อง ก็แห่มาอุดหนุนเพื่อช่วยเหลือ ที่ผ่านมา เพ็ญพักตร์ ศิริกุล กับอาภาศิริ นิติพน สองดาราชื่อดังในอดีตทราบเรื่องก็มาให้กำลังใจและซื้อลอตเตอรี่ไปกว่า 100 ใบ ซึ่งตนและลูกชายขอขอบคุณทุกคนที่ช่วย ให้กำลังใจ

ทั้งนี้ พ่อของอดีตพลทหารเหยื่อไฟใต้ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า อยากให้กรณีของลูกชายเป็นแบบอย่างของทหารผู้เสียสละ ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคน ที่ถึงแม้ถูกวางระเบิดจนร่างกายพิการ แต่ยังสู้ชีวิต ไม่ท้อถอย มีอาชีพทำกินเลี้ยงตัวเอง อีกทั้งอยากภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ขอให้ลูกชายเป็นเหยื่อความสูญเสียจากเหตุการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นรายสุดท้าย