ร้อยเอกทหารปืนใหญ่ ย่องเข้ามอบตัวรุมยำหนุ่มวิศวกร ถูกนักข่าวรุมถ่ายภาพซักถาม เดินหนีตำรวจลงโรงพักหน้าตาเฉย ขีดเส้นตายก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 4 ต้องเข้ามามอบตัว หากไม่มาเจอหมายจับ ผกก.แฉมีหลักฐานคลิปมัดแน่นดิ้นไม่หลุด...

กรณีชายฉกรรจ์ 4 คน ใช้ไม้เบสบอล และ มีดสปาต้า รุมทำร้าย นายภานุพงศ์ ช่ำชองกิจ อายุ 23 ปี วิศวกร บริษัทเฮาสซิ่งกำจัด บริเวณสามแยกไฟแดง เข้าห้างสรรพสินค้าโลตัสคำเที่ยง ถนนสายตัดใหม่อัษฏาธร ตำบลป่าตัน อำเภอเมืองเชียงใหม่ ช่วงหัวค่ำวันที่ 20 เม.ย. จน นายภานุพงศ์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้ารับการรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ด้วยอาการหัวแตก ช้ำบวมโน และ เลือดคั่งในสมอง แก้วหูแตก

ต่อมา ทางนายจำรัส ช่ำชองกิจ อายุ 57 ปี บิดาของผู้ได้รับบาดเจ็บ เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สมยศ วังเวียง พนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งทางพนักงานสอบสวน จะได้เรียกตัวคู่กรณี ที่ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นซิตี้ สีบรอนซ์เงิน ป้ายทะเบียน กล 14 เชียงใหม่ และ รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน บบ 5821 เชียงใหม่ ติดตราโล่ หรือ ตรากรงจักร มาสอบปากคำต่อไป

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ได้มีนายทหารพระธรรมนูญ พาตัว ร.อ.จักรพงษ์ โกศายานนท์ อายุ 29 ปี สังกัด ค่ายปืนใหญ่ ป.พัน 7 อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เข้ามามอบตัวกับ พ.ต.อ.มลฑล ปัญญายงค์ รักษาราชการแทน ผกก.สภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยทางตำรวจได้สอบสวนนานร่วม 1 ชั่วโมง หลังจากนั้น หลังจากนั้น ร.อ.จักรพงษ์ อ้างว่าปวดท้อง ได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ ทางกลุ่มนักข่าวที่ดักรออยู่ได้ใช้ไมค์จ่อขอสัมภาษณ์  ร.อ.จักรพงษ์ ซึ่งตาซ้ายเขี้ยวซ้ำ เผยว่า เขารุมทำร้ายตนก่อนนับสิบคนโดยวันเกิดเหตุ ตนได้ไปดูหนังเรื่องพระนเรศวร ขากลับ ได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย ตอนที่ตนทำร้าย ไม่ได้ถ่ายคลิปแสดงว่า เขาถ่ายคลิป และตั้งใจจะเล่นตน

...

ผู้สื่อข่าวถามว่า คู่กรณีที่มีเรื่องกันมาก่อนนั้น เคยมีเรื่องหรือรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ ร.อ.จักรพงษ์ อ้างว่า ตนปวดท้อง จะขอมาให้การทีหลัง พร้อมกับเดินหนีลงโรงพักไป โดยที่มีตำรวจเดินตามขอให้กลับมาเซ็นชื่อ แต่ ร.อ.จักรพงษ์ ไม่สนใจได้เดินทางไปขึ้นรถยนต์ปิกอัพสีขาวยี่ห้ออีซูซุ ที่มีทหารนายหนึ่งขับจอดรอที่หน้าโรงพักออกไปอย่างหน้าตาเฉย พ.ต.อ.มลฑล กล่าวว่า ยอมรับว่าผู้ต้องหามีอาการเครียดมาก ถึงได้เดินหนีไปเอาดื้อๆ ตนได้แจ้งให้นายทหารพระธรรมนูญให้พามาพบในก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ หากไม่มีจะขออนุมัติศาลออกหมายจับ 

ผู้สื่อข่าวถามว่ามูลเหตุมาจากอะไร พ.ต.อ.มลฑล กล่าวว่า คู่กรณีทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นคนเจ็บ และผู้ต้องหาได้ขี่รถ จยย.เฉี่ยวกัน ที่หน้าที่ทำการประปา ถ.วังสิงห์คำ จากนั้นฝ่ายคนเจ็บได้ขี่รถ จยย. ไล่ตามรถของผู้ต้องหา มาทัน ที่ไฟแดง 3 แยกที่เกิดเหตุ แล้วเคาะกระจกให้ผู้ต้องหาเปิดก่อนที่จะเปิดฉากทะเลาะวิวาทกัน ฝ่ายคนเจ็บโทร.เรียกเพื่อนๆ มาช่วย ฝ่ายผู้ต้องหาโทร.เรียกพ่อ และน้องมาช่วย แต่ฝ่ายผู้ต้องหา มาถึงก่อนเลยรุมกินโต๊ะคนเจ็บจนสะบักสะบอม ก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนี  พอดีมีพลเมืองดีถ่ายภาพวีดิโอเอาไว้ได้ทั้งหมด คดีนี้ไม่เป็นที่หนักใจ เพราะตำรวจไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในคลิปวีดิโอ ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คนที่เหลือ หากยังไม่เข้ามามอบตัว ภายในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) ก่อนเที่ยง ทางตำรวจจะขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน และวันนี้ตำรวจได้แจ้งข้อหากับ ร.อ.จักรพงษ์ คือร่วมกับพวกที่หลบหนีไปทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ และ คดีนี้มีพลเรือนร่วมด้วยต้องขึ้นศาลพลเรือน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาให้การว่าอย่างไร พ.ต.อ.มลฑล กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธโดยขอไปให้การในชั้นศาล ผู้สื่อข่าวว่าทางฝ่ายคนเจ็บมีการคุยกันหรือไม่ พ.ต.อ.มลฑล กล่าวว่า ทางฝ่ายผู้ต้องหามีการไปเจรจากันเรื่องรักษาค่าพยาบาลบ้างแล้ว แต่คดีนี้เป็นความผิดยอมความกันไม่ได้