เผยคนร้ายก่อเหตุยิงตำรวจและแท็กซี่พลเมืองดีตาย 2ศพ กลางกรุง เป็นลูกชายเศรษฐีเมืองคอน รองผกก.สส.สภ.นบพิตำ เชื่อ ประสาทหลอนจากยาเสพติด ไม่ใช่น้ำท่วม เพราะบ้านคนร้ายน้ำท่วมไม่ถึง ขณะอาการ พญ. เหยื่อโดนลูกหลงไม่น่าห่วง คาดออกจากไอซียูใน 2 วัน...
ผู้สื่อข่าวรายงานจากนครศรีธรรมราช วันที่ 14 เม.ย. กรณี นายธาดา อินทมาศ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/3 หมู่ 4 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช มีอาการผิดปกติ ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์รถยนต์ จับตัวประกัน แทง และ ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต และบาดเจ็บ รวมถึงใช้อาวุธปืนยิงแท็กซี่พลเมืองดีเสียชีวิต กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรมนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.ท.วสันต์ แต่งเกลี้ยง รองผกก.สส.สภ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เผยว่า หลังเกิดเหตุ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประสานเพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลประวัติของนายธาดาผู้ก่อเหตุ ซึ่งในเบื้องต้นประวัติทะเบียนอาชญากรรมพบเพียงการถูกจับกุมเนื่องจากตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ตรวจวัดแอลกอฮอล์ ในเลือดเกินพิกัดที่กฎหมายกำหนด ขณะนายธาดาขับรถอยู่บนถนนประตูลอด ตำบลในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับ นายธาดามีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่มีฐานะ และ เป็นเศรษฐีในท้องถิ่น เป็นลูกชายของนายปลอบ อินทมาศ คหบดีใหญ่เศรษฐีที่ดินในอำเภอนบพิตำ เป็นเจ้าของตลาดในตูน ตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอนบพิตำ พ่อของนายธาดา ได้บริจาคที่ดินสร้างป้อมตำรวจ และ ที่พักสายตรวจหลายแห่งในอำเภอนบพิตำ เป็นคนที่ได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนในท้องถิ่นคนหนึ่ง ตัวของนายธาดาเป็นเจ้าของร้านรับซ่อมคอมพิวเตอร์ ร้านตั้งอยู่ในตลาดในตูน ใกล้กับป้อมตำรวจ แต่แม้จะมีพื้นฐานมาจากครอบครัวที่ฐานะดี แต่ตัวของนายธาดามีความประพฤติไม่สู้ดีนัก คบหากับกลุ่มวัยรุ่นที่ติดยาเสพติด มีรายงานของชุดสืบสวนของ สภ.นบพิตำ ถึงพฤติกรรมที่ผ่านมาว่า นายธาดา มีรายชื่อในบัญชีบุคคลที่ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามพฤติกรรม มีรายชื่อในกลุ่มผู้เสพยาเสพติดในย่านดังกล่าว เพียงแต่ยังไม่เคยถูกจับกุมในคดีเสพติด
ต่อข้อถามของผู้สื่อข่าวว่า การที่นายธาดา ก่อเหตุร้ายแรงขึ้นในท้องที่กรุงเทพมหานคร น่าจะเกี่ยวกับความเครียดเรื่องบ้านถูกน้ำท่วมตามกระแสข่าวเป็นไปได้หรือไม่ รองผกก.สส.สภ.นบพิตำ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะบ้านของนายธาดา อยู่ในจุดที่น้ำท่วมไม่ถึง แต่น่าจะเกี่ยวกับอาการประสาทหลอน เพราะยาเสพติดมากกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางสภ.นบพิตำ กำลังประสานกับตำรวจท้องที่อื่นๆในจังหวัด เพื่อตรวจสอบประวัติตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกเกี่ยวกับตัวของนายธาดาอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อแจ้งให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลทราบต่อไป พ.ต.ท.วสันต์กล่าว
...
ต่อมาเวลา 18.00 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของ นายธาดา เลขที่ 78/3 หมู่ 4 บ้านในตูล ต.นาเหรง ต.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช พบว่าเป็นพื้นที่ที่มีอาณาเขตต่อเนื่องกับ ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ตั้งอยู่กลางตลาดอินทมาศ ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ในหมู่บ้าน และ กิจการของครอบครัว โดยนายธาดา และคนในตระกูลนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในพื้นที่ แต่ในส่วนของนายธาดา เป็นคนที่ความประพฤติไม่เรียบร้อย พัวพันและเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด และตัวเองยังเสพยาเสพติดอย่างหนักจนเป็นที่รับรู้รับทราบของญาติพี่น้องและประชาชนทั่วไป และขณะนี้ทางญาติได้เดินทางเข้า กทม. เพื่อรับศพนายธาดาฯที่สถาบันนิติเวช กทม.แล้ว คาดว่าจะนำศพนายธาดา มาถึง ต.นาเหรง อ.นบพิตำ ในวันพรุ่งนี้เช้า
ญาติสนิทคนหนึ่งของนายธาดา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม นายธาดา เคยมีธุรกิจมากมายในตลาดอินทมาศ ของบิดาชื่อ นายปลอบ อินทมาศ เช่น ธุรกิจซ่อมและจำหน่ายคอมพิวเตอร์ ร้านเกมส์คอมพิวเตอร์ ร้านจำหน่ายรถ จยย. ธุรกิจคาร์แคร์ เป็นต้น แต่เนื่องจากนายธาดา มีความประพฤติไม่เรียบร้อย มั่วสุมกับยาเสพติดและทำตัวเป็นนักเลงโต เคยก่อคดีอาญามากมายหลายคดี จนภรรยาไม่สามารถทนอยู่กินด้วยกันได้ จึงเลิกราไป นายธาดา จึงนำบุตรสาวมาฝากให้อาศัยอยู่กับ น.ส.ธันยพัด อินทมาศ พี่สาวที่กรุงเทพ ก่อนหน้านี้ไม่นาน นายธาดา โกรธแค้น นายเฉลิม กาญจนพิทักษ์ “ผู้ใหญ่เหลิม” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านเก้ากอ ต.ทอนหงส์ อ.พรหมคีรี ซึ่งอยู่เขตรอยต่อระหว่าง อ.พรหมคีรี กับ อ.นบพิตำ ที่พยายามรณรงค์ต่อต้านการค้าและเสพยาเสพติดในพื้นที่ จนมีการจ้างวานมือปืนสังหารนายเฉลิม ในขณะที่นายเฉลิม รู้ตัวจึงระดมกำลังชาวบ้านคุ้มกัน จนในที่สุดมือปืนไม่กล้าลงมือสังหารนายเฉลิม และเรื่องเงียบไปพักใหญ่
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เอง นายธาดา ที่อยู่ในอาการเมายาเสพติดอย่างหนักได้ขับรถยนต์ไปแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันในพื้นที่ ซึ่งเป็นปั๊มน้ำมัน ที่มีลูกพี่ลูกน้องของนายเฉลิม หรือ "ผู้ใหญ่เหลิม" แต่เนื่องจาก นายธาดา ไปแวะจะเติมน้ำมันหลัง เวลา 22.00 น. ซึ่งปั๊มน้ำมันปิดแล้ว ทำให้นายธาดา ไม่พอใจทุบตีทำลายปั๊มน้ำมัน จนเสียหายย่อยยับ นายเฉลิม จึงนำลูกพี่ลูกน้องเข้าแจ้งความกับตำรวจดำเนินคดีกับนายธาดา ในข้อหาบุกรุก และทำให้เสียทรัพย์สิน ในเบื้องต้นญาติ ๆ ของนายธาดา ตกลงจะจ่ายค่าเสียหายให้เจ้าของปั๊มน้ำมัน 50,000 บาท โดยนัดจ่ายกันในวันนี้ แต่มาก่อเหตุที่เมืองกรุง จนถูกวิสามัญฆาตกรรมดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อ 2-3 วันก่อน นายธาดา ที่ถูกญาติๆ รุมตำหนิว่าทำตัวไม่ดี ก่อเหตุสร้างแต่เรื่องราวเสื่อมเสียทำให้ญาติพี่น้อง และ วงศ์ตระกูลได้รับความเดือดร้อนเสียหายเป็นประจำ นายธาดา จึงเกิดความเครียดอย่างหนัก จึงตัดสินใจเดินทางขึ้นไปอยู่กับ น.ส.ธันยพัด อินทมาศ พี่สาวที่กรุงเทพฯ รวมทั้งถือโอกาสเยี่ยมบุตรสาวไปในตัวด้วย จึงสันนิษฐานว่าก่อนเกิดเหตุนายธาดา น่าจะเสพยาเสพติด หรือ ดื่มสุราจนเมามาย ประกอบกับความเครียดที่ถูกทางบ้านตำหนิเรื่องความประพฤติ จึงตัดสินใจก่อเหตุสยองต่อเนื่องดังกล่าว
ส่วนอาการของ ของพญ. พิภัทรา สายโลหิต ที่ถูกนายธาดายิง พญ.วารุณี จินารัตน์ ผอ.โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า ขณะนี้อาการไม่น่าห่วง เพราะเมื่อตอนนำส่งมาที่โรงพยาบาล ยังคงรู้สึกตัวดี โดย พญ.พิภัทรา โดนกระสุนปืน 4 นัด เข้าที่ต้นแขนซ้าย 1 นัด ข้อศอกซ้าย 1 นัด เอวด้านซ้าย 1 นัด และ บริเวณหลัง 1 นัด ซึ่งในขณะนี้แพทย์ได้ผ่าตัดเอากระสุนที่ฝังเข้าไปไม่ลึกคือที่บริเวณเอวออก แล้ว 1 นัด รวมทั้งได้เอาเศษกระจกออกหมดแล้ว ซึ่งผลจากการตรวจสอบอาการเบื้องต้นถือว่าปลอดภัย ไม่น่าห่วง ส่วนกระสุนที่เหลือพบว่ามีการฝังเข้าไปค่อนข้างลึกจึงต้องคอยทำแผลไม่ให้้ เกิดการติดเชื้อ ซึ่งตามธรรมชาติแล้วกระสุนที่ฝังเข้าไปบริเวณแขนจะค่อยๆ หลุดออกมาเอง
ขณะที่กระสุนที่ฝังเข้าไปบริเวณหลังนั้น จะต้องตรวจสอบดูตำแหน่งของกระสุนอย่างละเอียดว่า มีตำแหน่งใกล้กับกระดูกไขสันหลังหรือไม่ ก่อนที่จะวางแผนในการรักษาต่อไป เพราะในบริเวณดังกล่าวจะมีเส้นประสาทรวมอยู่จำนวนมาก จึงต้องระมัดวัง อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ยังคงต้องให้รักษาอยู่ในห้องไอซียูก่อน โดยคาดว่าจะให้ออกจากห้องไอซียูได้ภายใน 2 วัน ทั้งนี้สำหรับพญ.พิภัทรา กำลังจะเข้ามาเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูก ที่โรงพยาบาลราชวิถีภายในสัปดาห์นี้ หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรังสิต และได้เดินทางไปใช้ทุนที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารีจนครบกำหนดแล้ว
...