ครอบครัว "สิริพรรณ วงษ์บุญงาม" 1 ใน 6 นร.พยาบาลไทยที่หายไปหลังเหตุแผ่นดินไหวนิวซีแลนด์ เคว้งหลังติดต่อ กต. แต่ไม่มีคำตอบ ได้แต่เฝ้าหวังรอข่าวดีลูกสาวรอดชีวิต เผยถ้ามีเงินจะบินไปดูให้เห็นด้วยตัวเองว่ายังอยู่หรือไม่...

ผู้สื่อข่าวรายงานมาจาก จ.นครปฐม เมื่อตอนสายของวันที่ 25 ก.พ. ว่า ที่บ้านเลขที่ 201/1ถนนมาลัยแมน ซอย 5 ต.ลำพยา อ.เมืองนครปฐม ซึ่งเป็นบ้านของ น.ส.สิริพรรณ วงษ์บุญงาม อายุ 27 ปี เป็น 1 ใน 6 นักเรียนพยาบาลไทย ที่ติดอยู่ใต้ซากตึกจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่เมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อเที่ยงของวันที่ 22 ก.พ. 54 ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศที่บ้านของ น.ส.สิริพรรณ นั้นเป็นบ้านหลังเดี่ยว อยู่ในซอยห่างจากถนนมาลัยแมน 200 เมตร มีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่  นายสิทธิชัย วงษ์บุญงาม อายุ 29 ปี พี่ชายได้เดินมาเปิดประตูรั้ว และ น.ส.อัจฉรา วงษ์บุญงาม อายุ 53 ปี มารดาของ น.ส.สิริพรรณ ได้เดินออกมาพบในสภาพอิดโรยในมือถือยาดม มีอาการตาบวมจากการร้องไห้น้ำตาคลอเบ้าอยู่ตลอดเวลา

น.ส.อัจฉรา ได้เผยว่า ที่บ้านมีกันอยู่ 5 คน คือ นายสมพงษ์ วงษ์บุญงาม อายุ 56 ปี บิดาของ น.ส.สิริพรรณ มีอาชีพขับรถ จยย.รับจ้างท่าวัดกลาง เขตเทศบาลนครนครปฐม น.ส.คณัชฎา วงษ์บุญงาม อายุ 30 ปี พี่สาวซึ่งปัจจุบันทำงานอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดนครปฐม แผนกคอมพิวเตอร์ นายสิทธิชัย วงษ์บุญงาม อายุ 29 ปี พี่ชาย ที่เป็นพี่สาวและพี่ชายของ น.ส.สิริพรรณ ส่วน น.ส.สิริพรรณนั้นเป็นคนสุดท้อง ทั้งครอบครัวเวลานี้กินไม่ได้นอนไม่หลับ จ้องเฝ้าหน้าจอทีวีดูความเคลื่อนไหว เพราะไม่มีใครติดต่อความคืบหน้าให้ทราบเลยว่าเป็นอย่างไร โทรศัพท์สอบถามไปยังกระทรวงต่างประเทศบอกว่าให้รอข้อมูลยังไม่ชัดเจน ให้ติดต่อกลับไปใหม่ สถานทูตก็เช่นกันเลยทำให้ทุกคนเป็นห่วงอย่างมากต้องติดตามทางทีวีอย่างเดียว ใครไม่เป็นพ่อแม่ไม่รู้หรอกว่าเป็นอย่างไร

มารดาของ น.ส.สิริพรรณ กล่าวอีกว่า บุตรสาวว่าเป็นคนที่ต้องการความก้าวหน้าสูง เป็นหลักของบ้าน หลังจากจบจากพยาบาลมาก็ไปอยู่ที่ ร.พ.บำรุงราษฎร์ กทม.แต่ด้วยความอยากก้าวหน้าเลยลาออกไปเรียนภาษาที่สถาบันโพรวิเดนซ์การภาษา เชียงใหม่ โดยนำเงินที่เก็บหอมรอมริบไว้ไปเรียน จากนั้นก็ได้รับคำแนะนำจากทางสถาบันให้ไปเรียนภาษาต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อสอบเอาใบประกอบวิชาชีพของประเทศนิวซีแลนด์ จะได้ทำงานอยู่ที่นิวซีแลนด์เลย เพิ่งเดินทางไปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.53 โดยมีเพื่อนสาวอีก 1 คน อยู่ กทม.หรือเชียงใหม่ไม่ทราบไปในเที่ยวบินเดียวกัน

น.ส.อัจฉรา กล่าวด้วยว่า เมื่อเดินทางไปแล้วก็ติดต่อกันทางอินเทอร์เน็ต 2-3 วันครั้ง ถามสารทุกข์สุขดิบความเป็นอยู่ ลูกสาวบอกว่าจะสอบให้ได้ภายใน 6 เดือน แล้วจะสมัครงานทำที่นิวซีแลนด์เลย ทุกครั้งที่ติดต่อทางอินเทอร์เน็ต จะบอกว่าเป็นห่วงพ่อแม่พี่ทุกคน หากทำงานได้จะส่งเงินกลับมาให้ครอบครัวดีขึ้น ขณะนี้ที่บ้านทุกคนต่างเฝ้ารอและคิดในทางที่ดีว่าบุตรสาวยังมีชีวิตอยู่ เราได้แต่รอความหวังเท่านั้น ส่วนบุตรสาวคนโตต้องลาหยุดงานก่อนเพราะเป็นห่วงเช่นเดียวกัน วันนี้เดินทางไป กทม.เพื่อทำพาสปอร์ตไว้ก่อน หากพบตัวพี่สาวก็จะเดินทางขอวีซ่าไปนิวซีแลนด์ทันที

ขณะเดียวกัน นายสมพงษ์ ผู้เป็นพ่อเข้ามาบ้านพอดี ได้เผยว่า ขณะนี้ต้องหยุดวิ่งรถรับจ้างไปพลางก่อนไม่มีจิตใจที่จะทำมาหากิน เพราะต้องการทราบว่าบุตรสาวยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิต พร้อมกับยกมือขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยบุตรสาวให้รอดจากเหตุการณ์นี้ด้วย โดยมีน้ำตาไหลซึมออกมา บอกว่าขณะนี้ รอปาฏิหาริย์จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียว พร้อมกับต่อว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสถานทูตและกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไม่ได้ให้ความสนใจไม่มีการติดต่อมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ต้องโทรศัพท์ถามทุกวันแต่คำตอบก็เป็นเช่นเดิม ไม่ทราบ รอก่อน ยังไม่พบ ติดต่อมาใหม่ เป็นอย่างนี้ตลอด หากมีเงินเหลือเฟือจะขอบินไปดูด้วยตาตนเองเลย ไม่ต้องมารอคอยความหวังจากรัฐ

...