สำนักพุทธฯ ได้ข้อสรุปให้ฝังศพทารกวัดไผ่เงิน เนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินคดี ขณะ ผอ.รพ.จุฬาฯ คาดรู้ผลชันสูตรศพทารกใน 40 วัน...
วันที่ 25 พ.ย. นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ถึงวิธีการดำเนินการกับศพเด็กทารกจากการทำแท้ง จำนวน 2,002 ศพ ที่พบที่วัดไผ่เงินโชตนารามนั้น จากการหารือกับพระผู้ใหญ่ใน มหาเถรสมาคม ได้ข้อสรุปว่า ตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้วไม่มีบัญญัติไว้ว่าศพเด็กทารกที่มาจากการทำแท้งจะต้องทำการเผา หรือ ฝัง ดังนั้นการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวจึงอยู่ที่ความประสงค์ของเจ้าภาพ อย่างไรก็ตามทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เห็นว่าเนื่องจากเรื่องดังกล่าวยังถือว่าอยู่ในระหว่างการดำเนินคดี ศพเด็กทารกจึงถือว่ายังเป็นหลักฐานตามกฎหมาย และหากเผาศพเด็ก จะถือว่าเป็นการทำลายหลักฐานหรือไม่ ดังนั้น จึงเห็นว่าควรที่จะทำพิธีทางศาสนาแล้วดำเนินการฝังศพ ส่วนจะจัดพิธีเมื่อใด และอย่างไรนั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ โดยจะทำหนังสือแจ้งไปยังนายองอาจ ในวันที่ 26 พ.ย. นี้
ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีผู้เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์เกี่ยวกับศพเด็กทารกที่วัดไผ่เงินจำนวนมาก ดังนั้น ตนจะทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังวัดไผ่เงินให้เข้มงวด และดูแลในเรื่องนี้ตามความเหมาะสมด้วย
ด้าน นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการชันสูตรซากศพเด็กทารกจำนวน 2,002 ศพ ว่า การตรวจดีเอ็นเอ คงไม่จำเป็นที่จะต้องทำ แต่จะใช้วิธีการตรวจอายุครรภ์ของเด็กแทน เนื่องจาก ดีเอ็นเอที่ตรวจได้คงไม่สามารถนำไปค้นหาพ่อแม่ของเด็กเหล่านี้ได้ รวมทั้ง การตรวจด้วยวิธีดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายสูงมากกว่า 10 ล้านบาท อีกทั้ง ยังมีปัญหาว่าหน่วยงานใดจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่า จะใช้เวลาในการตรวจอายุครรภ์ของซากทารกทั้ง 2,002 ศพ ภายในระยะเวลา 40 วัน
...