น้ำล้นสันเขื่อนลำตะคอง ปลาบึกนับร้อยตัวตกลงปะทะโขดหิน ชาวบ้าน ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ไล่จับขายรวยกันเละ มีรายได้หลายหมื่นบาท ชดเชยเคราะห์ร้ายน้ำท่วม...

จากกรณีที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคอง ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ได้ชะลอการระบายน้ำออกจากตัวเขื่อน เนื่องจากเกรงว่าจะไปเพิ่มปริมาณให้กับพื้นที่ลุ่มจนอาจจะเพิ่มความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ใต้เขื่อน ดังนั้น ปริมาณน้ำ จึงล้นเขื่อนและไหลทะลักจากสันเขื่อนลงสู่คลองระบายน้ำด้านล่าง สูงจากสันเขื่อนกว่า 10 เมตร นอกจากนั้นกระแสน้ำจากตัวเขื่อน ยังได้พัดพาเอาปลาชนิดต่างๆโดยเฉพาะปลาบึกจำนวนนับร้อยตัวตกลงปะทะกับโขดหินเบื้องล่างกระทั่งปลาบอบช้ำไหลลอยตามน้ำเป็นแพ ซึ่งเมื่อข่าวปลาจำนวนมากตกจากสันเขื่อนแพร่สะพัดออกไป ปรากฏว่ามีชาวบ้านหลายหมู่บ้านของ ต.คลองไผ่ ได้พากันลงไปจับปลาที่ลอยตามน้ำที่บริเวณท้ายเขื่อนอย่างสนุกสนาน บางคนนำอวนและโต่งขนาดใหญ่ไปขึงผูกติดกับต้นไม้ริมตลิ่งเพื่อดักปลาที่ไหลไปตามน้ำ ซึ่งบางรายสามารถจับปลาบึกขนาดใหญ่ น้ำหนักตั้งแต่ 15 กก.ไปจนถึง 30 กก.ได้ถึง 50-60 ตัว โดยมีพ่อค้าแม่ค้า นำรถไปรอรับซื้อถึงริมอ่าง ส่วนแม่ค้าท้องถิ่น นำปลาบึกที่จับได้เป็นๆ มาวางขายริมถนนสายตลาดคลองไผ่-มิตรภาพ ในราคา กก.ละ 80-100 บาท ทำให้บางครอบครัวมีรายได้ถึงวันละหลายหมื่นบาท

สำหรับเหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 24 ต.ค. โดยผู้สื่อข่าวชมรมสื่อมวลชนเมืองโคราช อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งจาก จาก ร.ต.ต.อุทัย ศรีสุทอ อดีตตำรวจประจำ สภ.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว ว่ามีปลาบึกจำนวนนับร้อยตัว ไหลตกจากสันเขื่อนลำตะคองลงปะทะกับโขดหินเบื้องล่าง ทำให้ปลาได้รับบาดเจ็บและตายลอยตามน้ำเป็นจำนวนมาก และเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่เขื่อนลำตะคอง ต.คลองไผ่ พบว่าที่ใต้ประตูระบายน้ำของเขื่อนลำตะคองซึ่งเป็นคลองขุดที่ใช้ระบายน้ำออกจากเขื่อน มีประชาชนทั้งชายหญิง นำอวนและโต่งขนาดใหญ่ ไปผูกติดกับต้นไม้เพื่อดักปลาหลายๆ ชนิดที่ไหลมาตามน้ำท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก โดยชาวบ้านบางรายสามารถดักจับปลาบึกขนาดน้ำหนักประมาณ 10-80 กก.ได้หลายๆ ตัวซึ่งปลาดังกล่าว ส่วนใหญ่จะมีบาดแผลรอยขีดข่วนตามผิวหนั งแต่แทบทุกตัวยังไม่ตายสนิท ซึ่งทันทีที่ชาวบ้านนำปลาขึ้นจากน้ำ จะมีพ่อค้ามาดักรอซื้อเหมากันทั้งหมดในราคา กก.ละ 60-80 บาท จากนั้นจะนำปลาที่ไม่มีตำหนิส่งขายให้พ่อค้าคนกลางนำไปขายเอากำไรอีกต่อหนึ่ง ส่วนปลาที่มีตำหนิรอยขีดข่วนก็จะนำไปวางขายริมถนนในราคา กก.ละ 100 บาท โดยมีประชาชนที่ขับรถผ่านไปมาจะพากันจอดซื้อจนบรรยากาศในละแวกนั้นกลายเป็นตลาดสดย่อมๆ ขึ้นมาทันที

นายเผด็จ ศรีหงษ์ทอง อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/10 หมู่ 7 ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว เผยว่า เมื่อเช้ามืดนี้ มีเพื่อนบ้านวิ่งไปบอกว่าที่ประตูระบายน้ำของเขื่อนลำตะคองมีปลาจำนวนมากไหลตก จากสันเขื่อนลงปะทะกับโขดหินซึ่งมีความสูงกว่า 10 เมตร จนปลาเหล่านั้นตายไหลลอยไปตามน้ำสู่ลำตะคอง ตนจึงรีบขับรถมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเรื่องจริง ตนจึงกลับไปเอาโต่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับตาข่ายดักปลา แต่เชือกจะเส้นใหญ่กว่ามาก มาผูกติดกับต้นไม้แล้วกางออกดักปลาที่ลอยมากับสายน้ำ ซึ่งวันนี้ ตนกับเพื่อนสามารถจับปลาบึกขนาดกลางได้กว่า 60 ตัว แต่มีพ่อค้ามาขอซื้อเหมาไปหมดแล้วในราคา กก.ละ 60 บาท ได้เงินสดๆ มาแบ่งกันร่วม 1 แสนบาท

นายอนันตชัย บุญมาเลิศ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 หมู่ 1 ต.คลองไผ่ เผยว่า ตนทำงานเป็นพนักงานอยู่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ โรงไฟฟ้าลำตะคองซึ่งนับตั้งแต่ทำงานมาหลายปีไม่เคยเจอเหตุการณ์น้ำล้นสันเขื่อนและมีปลาไหลออกมามากมายอย่างนี้ เมื่อเห็นปลาตกจากสันเขื่อน จึงชวนเพื่อนนำอวนมาขึงดักจับปลา และจับปลาบึกน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 กก.ได้แล้วกว่า 40 ตัว โดยมีแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ในราคา กก.ละ 60 บาท ได้เงินมากกว่าเงินเดือนหลายเท่าตัว

ด้านนางบุญช่วย จันทาสูงเนิน อายุ 50 ปี แม่ค้ารับซื้อปลามาวางขายริมถนนกล่าวว่า ตนมีอาชีพขายผักในตลาดสีคิ้วเมื่อทราบข่าวว่ามีปลาบึกลอยในลำตะคองจึงมารับซื้อจากชาวบ้านที่ลงจับรวมแล้วกว่า 100 ตัว จากนั้นได้ขายทั้งปลีกและส่งให้พ่อค้าคนกลางซึ่งปลาบึกที่รับซื้อมา มีขนาดใหญ่สุดถึง 80 กก.และมีชาวบ้านชื่อนายเตี้ย สามารถจับปลาบึกตัวใหญ่ได้มีน้ำหนักถึง 137 กก. ต้องนำรถเครนมายกขึ้นจากคลอง ซึ่งการที่มีปลาบึกไหลออกจากเขื่อนลำตะคองจำนวนมากในครั้งนี้ ถือว่าเป็นความโชคดีของชาวบ้านที่จับปลาขายได้เป็นเงินรายละหลายหมื่นและคนที่โชคดีมากก็ได้เงินเป็นแสน ชดเชยกับความโชคร้ายหลังจากที่ประสบปัญหาน้ำท่วมบ้าน เช่นเดียวกับตนก็พลอยโชคดีไปด้วย


...