น้ำท่วม อ.สีคิ้ว จระเข้หลายตัวหลุดจากฟาร์มใหญ่ไหลไปกับสายน้ำลำตะคอง จับเป็นได้ 2 ตัว จับตาย 1 ตัว เร่งล่าที่เหลือ หวั่นอันตรายหากหิวโหย...
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 19 ต.ค. นายสวัสดิ์ ยะสูงเนิน นายก อบต.หนองบัวน้อย อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ได้แจ้งให้ นายวีระ จันทร์ทิพย์รักษ์ นายอำเภอสีคิ้วทราบว่า ได้มีจระเข้หลุดออกจากฟาร์มเลี้ยงขนาดใหญ่ที่บ้านสุมทุม ต.หนองบัวน้อย อ.สีคิ้ว ซึ่งขณะนี้พบอยู่ในนาข้าวจำนวน 3 ตัว และอยู่ใต้ศาลาวัดห้วยทรายอีก 1 ตัว จากนั้นได้แจ้งเรื่องให้หน่วยกู้ภัยมูลนิธิพรหมธรรมสีคิ้ว นำอุปกรณ์การจับจระเข้ไปยังจุดที่พบ ซึ่งเป็นทุ่งนาบริเวณหลังวัดห้วยทราย เมื่อไปถึง พบนายสวัสดิ์พร้อมด้วยนายประภาส เหินจันทึก กำนัน ต.หนองบัวน้อย นายมงคล แดนงูเหลือม ผู้ใหญ่บ้านสุมทุม และนางศรีวรรณ ยาณะเครื่อง ส.อบต.หนองบัวน้อย นำชาวบ้านกว่า 50 คน ออกล่าจระเข้ในผืนนาดังกล่าว
สำหรับตัวแรกหลบซ่อนอยู่ใต้ศาลาวัดห้วยทราย เจ้าหน้าที่สามารถนำเชือกป่านไปคล้องคอแล้วช่วยกันจับมัดปากมัดตัวไว้ได้ ส่วนตัวที่ 2 หนีลงไปไล่กินปลาดุกอยู่ในบ่อเลี้ยงปลาของ นายสนธยา พรหมสูตร เกษตรกรชาวสุมทุม จึงนำไก่ตัวเป็นๆ มาล่อด้วยการผูกเชือกโยนใส่ เมื่อจระเข้เห็นไก่สดทั้งร้องทั้งดิ้นอยู่ผิวน้ำ จึงว่ายในลักษณะกระโจนเข้าหา เจ้าหน้าที่ จึงดึงเชือกที่ผูกไก่ขึ้นฝั่ง ซึ่งจระเข้ยังตามไล่งับ เมื่อได้โอกาส เจ้าหน้าที่ อป.พร.และหน่วยกู้ภัย รวมทั้งชาวบ้านได้ช่วยกันจับตัวไว้ได้โดยช่วยกันมัดอย่างแน่นหนา
...
สำหรับตัวที่ 3 ได้หนีลงไปกลบดานในบ่อน้ำลึกประมาณ 3 เมตรเศษ โดยโผล่แต่หัวขึ้นเหนือผิวน้ำ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจที่จะต้องจับตายโดยขอความร่วมมือไปที่ พ.ต.ท.กวินสิทธิ์ พัฒน์กิตติสกุล สว.หน.สภ.บ้านหัน อ.สีคิ้ว ให้ส่งตำรวจหน่วยแม่นปืนมาจัดการ โดยนายประภาส เหินจันทึก กำนัน ต.หนองบัวน้อย เผยว่า“จระเข้ในฟาร์มนี้มีขนาดความยาวตั้งแต่ 3 ถึง 5 เมตร และเคยหนีออกจากฟาร์มหลายครั้งแล้ว แต่ในครั้งนี้น่ากลัวกว่าครั้งก่อนๆ ทั้งนี้ เพราะไม่รู้ว่าจระเข้ได้หนีออกกี่ตัวแถมยังหนีออกในระหว่างที่น้ำกำลังท่วม ซึ่งในคลองห้วยทรายที่จระเข้หนีลงไปนี้ สายน้ำจะไหลไปรวมในลำตะคองที่ ต.มะเกลือใหม่ อ.สูงเนิน และจะไหลเข้าตัวเมืองนครราชสีมา ซึ่งถ้าหากปล่อยให้จระเข้หลุดไปในขณะที่มันหิวโหยก็อาจจะเกิดอันตรายกับชาวบ้านได้ จึงจำเป็นต้องตัดสินใจจับตาย”
อย่างไรก็ดี ในขณะที่ชุดแม่นปืนกำลังจะลั่นไก แต่ก็เหมือนกับจระเข้จะรู้ตัวจึงมุดน้ำหนีไปได้ กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง จึงโผล่หัวขึ้นอีกซึ่งในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดในการสังหาร โดยได้ใช้วิธีเดิมคือนำไก่เป็น ๆ มาผูกเชือกโยนลงไปในบ่อซึ่งเมื่อจระเข้เห็นได้พุ่งทะยานเข้างับและไล่ตามไก่ขึ้นฝั่ง จึงถูกหน่วยแม่นปืนลั่นไกด้วยคาร์บินจำนวนกว่า 10 นัด เสียชีวิตคาที่ ในนาข้าวแห่งนั้นนั่นเอง หลังจากสังหารตัวที่ 3 แล้ว เจ้าหน้าที่ได้นำจระเข้ทั้งเป็น และตายไปกองรวมกันที่ลานวัดห้วยทรายทั้ง 3 ตัว เพื่อรอเจ้าของฟาร์มมาเจรจาตกลงกันว่าจะเอาอย่างไร
ด้านนายสวัสดิ์ ยะสูงเนิน นายก อบต.หนองบัวน้อย กล่าวว่า “ฟาร์มแห่งนี้เหมือนเป็นฟาร์มปิด ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ แต่เท่าที่รู้ฟาร์มแห่งนี้เลี้ยงจระเข้ไว้กว่า 1,000 ตัว เพื่อส่งไปขายทั้งในไทยและต่างประเทศ นอกจากนั้นยังเลี้ยงสัตว์ป่าไว้หลายชนิดเช่นนกและงูเหลือม เมื่องูตายก็โยนให้จระเข้กิน แต่ถ้าจระเข้ตายก็โยนให้งูกิน แต่ที่ชาวบ้านเดือดร้อนอยู่ในเวลานี้คือเรื่องของกลิ่นเน่าเหม็นที่โชยออกจากฟาร์มตลอดเวลาจนมีการร้องเรียนไปที่อำเภอสีคิ้ว แต่เรื่องก็ยังเงียบหาย ซึ่งฟาร์มแห่งนี้ไม่ทราบว่ามีการขออนุญาตหรือไม่ รู้แต่ว่าได้สร้างความเดือดร้อนได้ด้านกลิ่นเน่าเหม็นให้กับชาวบ้านมานานกว่า 10 ปีแล้ว”
สำหรับฟาร์มเลี้ยงจระเข้แห่งนี้ สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2542 โดยเจ้าของฟาร์มไม่มีใครรู้จักชื่อเสียงเรียงนามเพราะไม่เคยมาคลุกคลีกับชาวบ้าน ปลูกอยู่บนพื้นประมาณ 2-3 ไร่ ที่ใกล้กับหมู่บ้านและวัดห้วยทราย หมู่ 4 ต.หนองบัวน้อย อ.สีคิ้ว โดยมีรั้วเป็นคอนกรีตสูงประมาณ 4 เมตรซึ่งแม้จะมีรั้วสูง แต่ก็ได้ส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงทั่วบริเวณ เมื่อผู้สื่อข่าวเดินเข้าไปภายในฟาร์ม จะมองเห็นชัดเจนว่ามีการก่อเป็นบ่อเลี้ยงจระเข้ขนาดใหญ่แบ่งเป็น 2 โซน โซนละ 10 บ่อ ภายในแต่ละบ่อกว้างประมาณ 10 เมตร ยาว 30 เมตร และในบ่อหนึ่งจะมีจระเข้ยาวประมาณ 3-5 เมตรไม่ต่ำกว่า 50 ตัว ส่วนบ่อที่เลี้ยงจระเข้ขนาดเล็ก ความยาวประมาณ 2 เมตร จะมีจระเข้แออัดรวมกันกว่า 100 ตัว
...
โดยคนงานไม่ยอมบอกนาม เผยว่า จระเข้ที่เลี้ยงไว้ทั้งหมดนี้มีประมาณพันกว่าตัว โดยนำมาเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กๆ เมื่อโตได้ประมาณ 60-70 กก.หรือความยาว 3 เมตรขึ้นไปก็จะส่งขายให้กับคนไทยทั่วไปในราคาเซนติเมตรละ 30 บาท แต่ถ้าหากส่งไปขายที่ต่างประเทศ ก็จะเป็นอีกราคาหนึ่ง ตอนนี้เจ้าของฟาร์ม (ไม่ยอมบอกชื่อ) ไปนอนรักษาตัวจากอาการป่วยที่ รพ.กรุงเทพ พวกตนมีหน้าที่ดูแลและให้อาหาร เมื่อคืนนี้ฝนตกลงมาอย่างหนัก พวกตนหลับสนิทไม่รู้สึกตัว จระเข้ไปพังโครงเหล็กริมรั้วแล้วหนีออกจากฟาร์มไปแต่ไม่ทราบว่าหนีไปกี่ตัว โดยแต่ละตัวมีความยาวประมาณ 3-5 เมตร
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้นำชุมชนทั้งนายก อบต.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านสุมทุม ได้ระดมกำลังกันออกค้นหาจระเข้ที่หนีไปอย่างเร่งด่วนแล้ว โดยทุกคนยืนยันว่า จะต้องรีบจับตัวจระเข้ไว้ทั้งหมดให้ได้ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย เพราะถ้าปล่อยให้หนีไปกับสายน้ำที่กำลังท่วม อาจจะเกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวงกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใต้น้ำได้ เพราะจระเข้ทุกตัวอยู่ในอาการหิวโหยไม่ได้กินอาหารมานานหลายวันแล้วทั้งสิ้น
...