เหยื่อรับน้อง ยังแห่ร้อง 'ปวีณา' เผย โดนพ่นสีสเปรย์ที่อวัยวะเพศ และใช้ไฟแช็คเผาขนเพชรเกลี้ยง แล้วยังถูกปืนจ่อหัว ด้าน 'จุรินทร์' ยัน 10 มิ.ย. รู้ผลสอบ พร้อมเปิดสายด่วน ศธ. 1579 รับร้องเรียนรับน้อง...
ความคืบหน้ากรณีนักศึกษาปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (มทร.ตะวันออก) วิทยาเขตอุเทนถวาย เข้าร้องเรียนต่อมูลนิธิปวีณาหงสกุลฯเพื่อเด็กและสตรี เนื่องจากถูกรับน้องโดยบังคับให้กินพริกและกระดาษเปื้อนหมึก
ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ที่ คลอง 7 ต.ลำผักกูด อ. ธัญบุรี จ. ปทุมธานี เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (9 มิ.ย) มีผู้ปกครองและนักศึกษาปี 1 จาก อุเทนถวาย เข้ามาร้องที่มูลนิธิเป็นจำนวนมาก และรอพบคณะกรรมการสอบสวนจากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา หรือ สกอ.มูลนิธิเป็นจำนวนมาก และรอพบ
ต่อมาเวลา 10.30 น. คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจาก สกอ. มาถึง นำโดย นายสรรค์ วรอินทร์ ในฐานะ ประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงรับน้องของอุเทนถวาย พร้อมกับคณะกรรมการอีก 5 คน เดินทางมาถึง และเข้าพบนางปวีณาพร้อมกับรับฟังความเดือดร้อนจากการรับน้องของบรรดารุ่นพี่จากอุเทนถวาย เบื้องต้น นายสรรค์ ขอเวลาพูดคุยกับเด็กเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง กับบรรดานักศึกษาเหล่านั้นบ้าง ขณะที่บรรดานักศึกษาที่เป็นเหยื่อรับน้องโหดของรุ่นพี่เกือบทุกคน ตกอยู่ในอาการหวาดกลัว เพราะกลัวจะถูกรุ่นพี่ตามคิดบัญชีภายหลังจนไม่กล้าจะเปิดตัวให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับผู้สื่อข่าว บางรายไม่ยอมปรากฏตัว ได้แต่มอบหมายให้ผู้ปกครองเดินทางมาร้องต่อนางปวีณาแทน
มารดาของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 รายหนึ่ง กล่าวว่า บุตรชาย ถูกบังคับให้ใช้อาวุธปืนยิง แต่บุตรชายไม่ยอมยิง จึงถูกบังคับให้ยิงตัวเอง แต่ก็ไม่ยอมยิงอีก รุ่นพี่จึงรุมทำซ้อมบริเวณช่วงหน้าอก จนเป็นรอยเขียวช้ำเท่านั้นยังไม่พอ ยังส่งให้บุตรชายตนและเพื่อน ๆ รวม 4 คนถอดกางเกง แล้วใช้สีสเปรย์พ่นจากนั้นนำไฟแช็คเผาขนเพชร บริเวณอวัยวะเพศจนหมด ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีร่องรอยแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัด
ด้านน้องบี นักศึกษาปี 1 คณะวิศวะกรรมศาสตร์ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า การรับน้องของรุ่นพี่เป็นการบังคับ รุ่นน้องไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งอย่างไรก็ต้องทำ ตอนที่ตนอยู่มีอาการหวาดผวาทุกวัน เพราะไม่รู้ว่าในแต่ละวันจะโดนอะไรบ้าง ของตนจะโดนกินพริก กระเทียม หอมแดง กระชาย มะระ ขี้นก วาซาบิ และโดนทุบหน้าอก แต่เพื่อน ๆ บางคนโดนหนักกว่า บางครั้งโดนซ้อม จนทุกวันนี้มีเพื่อน ๆ ที่เข้ามารุ่นเดียวกันลาออก โดยไม่แจ้งความจำนงไปเกือบหมดแล้วจาก 179 คนเหลือเพียง 50 กว่าคนเท่านั้น ซึ่งตนเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงลาออกเกือบหมด
น้องบี ยังกล่าวอีกว่า ทางคณะกรรมการบอกว่าจะหาที่เรียนให้ใหม่ ซึ่งดีใจมากที่รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ ตอนนี้มีเพื่อน ๆ อีกหลายคนที่ยังไม่กล้าออกมาตีแผ่ เพราะกลัวรุ่นพี่ทำร้าย และยังหาที่เรียนไม่ได้ อยากให้รัฐบาลนำเรื่องนี้ไปพิจารณาหาทางช่วยเหลือด้วย
ส่วนน้องบอย (นามสมมติ) กล่าวว่า วันแรก กินพริกแล้วส่งให้เพื่อนแบบปากต่อปาก ใครอ๊วกแตกก็ให้กินอ๊วกเพื่อน วันที่สอง ตนมาโรงเรียนสาย ถูกเตะและต่อยเข้าที่หน้าอก และสั่งให้ลุกนั่งไปเรื่อย ๆ ต่อมาวันที่ 3 ลุกนั่งไม่พร้อมกันก็จะโดนเตะเข้ากลางหลัง โดนตบหน้า และวันสุดท้าย โดนสีสเปรย์ พ่นที่หัวอวัยวะเพศ ไฟแช็คเผาขน และใช้ปืนจ่อหัว และต่อยเข้าที่หน้าอก ตนเห็นว่าไม่ปลอดภัย จึงไม่ไปเรียนอีก ทั้งนี้รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่ไม่ได้เรียน เพราะเป็นที่ที่อยากเรียนมาก แต่สุดจะทน
ผู้สื่อข่าว ยังรายงานอีกว่า ขณะที่กลุ่มนักศึกษากำลังถูกสอบสวนอยู่นั้น ได้มีกลุ่มนักศึกษารุ่นพี่ได้ออกรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ของช่องสาม ว่า รุ่นน้องที่ออกมาให้ข่าวว่ารุ่นพี่รับน้องรุนแรงเกิดกว่าเหตุนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยได้นำรุ่นน้องสถาบันเดียวกันมาร่วมออกอากาศในรายการด้วย ทำให้กลุ่มนักศึกษาที่มาร้องเรียนต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ โดยบอกว่านักศึกษารุ่นพี่ที่มาออกรายการเป็นนักศึกษารุ่นพี่ที่อยู่ในสโมสรเป็นคนดี แต่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง จึงไม่รู้ว่ารุ่นพี่ ที่มีหน้าที่รับน้องด้วยวิธีใด ส่วนรุ่นน้องที่ออกรายการดังกล่าวก็มีความสนิทใกล้ชิดกับรุ่นพี่สโมสร ซึ่งทุกครั้งที่รับน้องเสร็จก็จะมาร้องไห้และปรับทุกข์ให้รุ่นพี่เหล่านั้นฟัง ที่ผ่านมาจึงไม่รู้ว่ารุ่นพี่ไปกดดันหรือไปเกลี่ยกล่อมอย่างไร จึงได้ออกมาพูดแบบนี้
นักศึกษารายหนึ่ง กล่าวอีกว่า หากรุ่นพี่กำลังรับน้องอยู่ แล้วอาจารย์เดินผ่านมา รุ่นพี่ก็จะหยุดกิจกรรมทำเหมือนว่าไม่เกิดอะไรขึ้น ส่วนตัวอาจารย์ก็ไม่เข้ามาสอบถาม หรือแม้แต่มาดูกิจกรรมรับน้องที่รุ่นพี่กำลังดำเนินการอยู่ สำหรับรุ่นน้องเองก็ไม่กล้าที่จะไปบอกอาจารย์ เพราะเมื่อไปบอกอาจารย์พวกรุ่นพี่จะรู้ทันที
ต่อมานายสรรค์ วรอินทร์ กล่าวหลังร่วมสอบสวนบรรดานักศึกษาปี 1 ที่เป็นเหยื่อรับน้องรุ่นพี่นานนับชั่วโมงว่า จากการสอบสวนเพิ่มเติมจากนักศึกษา เพื่อหาทางแก้ไข และช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่จะไม่พุ่งไปที่การกระทำผิดของรุ่นพี่ฝ่ายเดียว แต่จะเชื่อมโยงไปถึงทางสถาบันอีกด้วย ซึ่งจะตรวจสอบผู้บริหารสถาบันอีกด้วย หากสถาบันนี้ขาดกฎระเบียบข้อใดข้อหนึ่ง ถือว่าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างครอบคลุม มีสิทธิ์คาดโทษกับผู้บริหารด้วย ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าอธิการบดีจะมีผลกระทบใดๆ ซึ่งขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่จะเอาผิด อย่างไรก็ตาม ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ขอข้อมูลต่าง ๆ จากผู้ปกครองและเด็กแล้วว่าจะดำเนินกันอย่างไรต่อไป
ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนได้ขอให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการรับน้องของวิทยาเขตอุเทนถวาย ประสานขอข้อมูลจากมูลนิธิปวีณา หงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อนำไปตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย ซึ่งผลการสอบข้อเท็จจริง กรณีของวิทยาเขตอุเทนถวายนั้นในวันที่ 10 มิ.ย. ทางคณะกรรมการสอบฯ จะรายงานผลให้ตนทราบ จากนั้นจะพิจารณาว่าประเด็นใดมีมูลความจริงมากน้อยเพียงใด ก่อนที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไป ส่วนเรื่องการพิจารณาโทษนั้น หากผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนพบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องว่าเป็นระดับอธิการบดี ก็ต้องยื่นเรื่องให้สภามหาวิทยาลัยเป็นผู้ตัดสิน พิจารณาโทษ แต่หากเป็นระดับอาจารย์ และนักศึกษา ก็ต้องยื่นเรื่องให้อธิการบดีเป็นผู้พิจารณาลงโทษ ขณะเดียวกันกระทรวงศึกษาธิการจะเปิดให้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการรับน้องที่ไม่สร้างสรรค์จากทุกสถาบันผ่านสายด่วนของกระทรวงศึกษาธิการ โทร.1579 ด้วย
...