ตัดสาย "6วัน63ล้านความคิด" นายกฯหน้าถอดสีรับสายส่งท้าย คาดปชช.โทร.ด่า เผยยอดฮัลโหลแค่หลักหมื่น แต่มั่นใจเป็นตัวแทนเสียงของปชช.ที่สะท้อนปัญหามากมาย รัฐต้องทำงานหนักเร่งแก้ปัญหา...

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 6 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางจากห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าไปยังตึกสันติไมตรี ตรวจเยี่ยมอาสาสมัครที่เข้ามานั่งรับโทรศัพท์โครงการ 6 วัน 63 ล้านความคิด ร่วมเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย เพื่อขอบคุณอาสาสมัครก่อนที่จะปิดโครงการในเวลา 20.00 น. โดยนายอภิสิทธิ์ได้ไปนั่งรับสายจากประชาชนกว่า 15 สาย โดยระหว่างที่รับสายมีอยู่ช่วงหนึ่งที่นายอภิสิทธิ์ ถึงกับสีหน้าไม่สู้ดี และพยายามยิ้มรับ พร้อมพูดคำว่า "ครับ" อย่างเดียว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนโทรมาต่อว่าเรื่องอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ไม่ทราบ เพราะไม่ได้ตั้งชื่อเรื่อง"

หลังจากเสร็จสิ้นจากการรับสายโทรศัพท์ นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า จำนวนสายที่โทร.เข้ามานั้นเป็นการสะท้อนปัญหาของประชาชนได้ระดับหนึ่ง รัฐบาลจะมีวีธีการอื่นอีกที่จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วม ส่วนข้อมูลนั้นขณะนี้ยังเป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆว่า สัดส่วนของเรื่องต่างๆ จะเป็นอย่างไร โดยจะต้องไปประมวลและดูรายละเอียดอีกครั้ง ถือว่าได้รับทั้งข้อเสนอแนะ อย่างเรื่องการศึกษา การรณรงค์บางประเด็น รวมไปถึงเรื่องร้องเรียนที่สะท้อนปัญหาของโครงสร้างของประเทศว่าการแก้ไขปัญหาโดยกลไกปกตินั้น ประชาชนส่วนใหญ่อาจจะไม่รับรู้รับทราบหรือตอบสนองได้ ซึ่งเมื่อไรที่มีการเปิดช่องทางลักษณะนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการใช้ไปในทางร้องเรียน แต่เรื่องนี้แค่ได้อาสาสมัครเข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวมและการที่คนไทยได้พูด คุยกันทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จัก และได้คุยในเรื่องที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยทราบก็คิดว่าคุ้มค่าแล้ว นอกจากนี้ยังได้กระตุ้นให้ประชาชนตื่นตัวก็ประเมินค่ายาก เพราะหลายคนหลังจากที่เราได้รับสายและเขาได้พูดออกมาก็มีค่าแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จำนวนคนที่โทรศัพท์เข้ามาเพียง 5 หมื่นกว่าคนทั้งๆที่ตั้งเป้าหมายไว้ถึง 63 ล้านความคิดนั้นถือว่าล้มเหลวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่หรอก เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะให้คน 63 ล้านคนโทรศัพท์เข้ามา แต่เสียงของคนเหล่านี้สะท้อนการเป็นตัวแทนของประชาชน ซึ่งสายที่ตนเป็นผู้รับโทรศัพท์เองก็มีมาจากทุกภาคทุกเพศและทุกวัย และปัญหาของหลากหลายมาก ซึ่งก็เป็นการบ่งบอกว่าเรายังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ ซึ่งการแก้ไขปัญหาด้วยการปฏิรูปและการปรองดองนั้นก็ต้องมีการฟื้นฟูด้วย และหากไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมก็ไม่มีทางสำเร็จได้ หลังจากนี้จะมีกลไกต่างๆมารองรับ อาทิ กลไกของน.พ.ประเวศ วะสี ประธานคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ก็จะเป็นเวทีที่หลากหลายในรูปแบบต่างๆ และจะมีโครงการการรับฟังความคิดเห็นลักษณะนี้จะมีอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นได้มีผู้พิการที่อาสาสมัครเข้ามารับโทรศัพท์ได้เข้ายื่นหนังสือให้กับ นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการให้งบประมาณช่วยเหลือกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำ ผิดกฎหมาย และขอให้รัฐบาลผลักดันสนับสนุนการวิจัยสเต็มเซลย์เพื่อปลูกถ่ายไขสันหลังให้กับคนพิการ.

...