นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์
ปชป.จี้รัฐห้าม “ทนายทักษิณ” เข้าไทย โวย บิดเบือนข้อเท็จจริง ชงฟ้อง “เด็จพี่” ท้าเปิดหลักฐานโยง ก.- ศ.ปั่นไทยคม ยอมรับคะแนนรัฐตก ยกสถิติวัดคนพอใจผลงานรัฐ ลั่น ปชป.พร้อมพิสูจน์ความจริงคดียุบพรรค...
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พูดกับสื่อมวลชนต่างประเทศที่ประเทศญี่ปุ่น มีการระบุที่เลือกประเทศญี่ปุ่น เพราะมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรง มีชาวญี่ปุ่นอยู่ด้วย และบิดเบือนให้เข้าใจผิดว่า การเสียชีวิตของสื่อมวลชนญี่ปุ่นเป็นความผิดรัฐบาลว่า ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย เพราะข้อเท็จจริงไม่ได้ปรากฏตามที่กล่าวหา และเรื่องนี้คณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง ชุดนายคณิต ณ นคร ที่กำลังเริ่มทำงานในขณะนี้ ก็กำลังจะตรวจสอบ ดังนั้นเชื่อว่าการใช้ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศแรกในการเคลื่อนไหว เพื่อต้องการให้เป็นปัญหาระหว่างประเทศ โดยยังมีการบิดเบือนสาระสำคัญหลายเรื่อง เช่น การอ้างว่าการใช้ทนายระหว่างประเทศพูดนั้น หากทนายความของไทยมาพูดแล้ว เดินทางกลับประเทศก็จะถูกคุมขังและถูกยึดทรัพย์ ซึ่งไม่เป็นความจริง
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย จะเข้าชี้แจงต่อคณะอนุกรรมาธิการการเงิน การคลัง และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 30 มิ.ย. ในเรื่องการปั่นหุ้นบริษัทไทยคมว่า ขอเรียกร้องให้นายพร้อมพงศ์ นำหลักฐานเกี่ยวกับตัวย่อ ก.และ ศ. มาเปิดเผยให้ประชาชนรับทราบ ไม่อย่างนั้นจะถือว่าเป็นการพูดโดยปราศจากความจริง โดยพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะผู้เสียหาย จะขอรักษาสิทธิ์ในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้การกระทำดังกล่าวยังผิดมาตรา 240 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในเรื่องการให้ข้อมูลเท็จด้วย ทั้งนี้พรรคขอสนับสนุนแนวคิดของนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีและสารสนเทศ หรือไอซีที ที่จะยิงดาวเทียมเพิ่มขึ้นอีก 1 ดวง เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี อีกทั้งดาวเทียมไทยคมเดิมก็หมดสัญญาสัมปทานไปแล้วถึง 11 ปี จึงเหมาะที่จะยิงดาวเทียมดวงใหม่
นพ.บุรณัชย์ ยังกล่าวถึงการสำรวจความเห็นของประชาชนของ “กรุงเทพโพล” ว่า รัฐบาลได้คะแนนไม่ดีหลายเรื่อง ถือเป็นการเปรียบเทียบในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กับช่วงเวลาการบริหารงานของรัฐบาล 1 ปี 6 เดือน ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงดัชนีความวิตก ของประชาชนที่มี่ต่อบ้านเมือง และต่ออนาคตที่ไม่แน่นอน หลังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย แต่ก็ต้องดูประกอบกับผลสำรวจอื่นด้วย เช่น ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่สำรวจในช่วง 1 ปีที่ผานมา ช่วงเดือน มี.ค. 52 - มี.ค. 53 พบว่า การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 60.6 เป็นร้อยละ 77.6 โดยส่วนใหญ่เห็นว่าแก้ไขได้ ส่วนการแก้ปัญหาด้านสังคม พบว่า ปีที่แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.5 เห็นว่าแก้ปัญหาได้ และความพึงพอใจต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาลลดลงเล็กน้อย จากร้อยละ 93.4 เป็นร้อยละ 87.3 ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจของสำนักโพลอื่นๆ ทั้งนี้รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นของโพลทุกสำนัก เพื่อนำไปบริหารปรับปรุงการทำงานต่อไป นอกจากนี้กรุงเทพโพล ยังให้คะแนนสูงในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตของรัฐบาล
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงข่าวศาลรัฐธรรมนูญ ออกหนังสือเตือนนายทศพล เพ็งส้ม ส.ส.นนทบุรี หนึ่งในคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า ยังไม่เห็นหนังสือ แต่นายทศพล ได้ขอถอนตัวออกจากผู้ประสานงานระหว่างพรรคและศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ประสงค์ที่จะถูกกล่าว และโจมตีโดยไม่มีความจริง ซึ่งเรื่องนี้เกิดจากการรับส่งเอกสารที่มีการบันทึกเวลาและลงนามชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้พรรคพร้อมให้ความร่วมมือ กรณีที่ศาลนัดคู่กรณี เพื่อกำหนดแนวทาง ในการดำเนินการพิจารณาคดียุบพรรคครั้งแรก ในวันที่ 7 ก.ค.นี้.
...