อธิบดีดีเอสไอยืนยันมือยิงอาร์พีจีสารภาพหมายยิงวัดพระแก้ว เพราะจำนนต่อหลักฐาน แถมระหว่างให้ปากคำไม่ได้แสดงอาการเคร่งเครียด พร้อมเร่งสืบสวนขยายผล นำตัว 2 ผู้ต้องหาสำคัญฝากขัง ค้านประกันแล้วเช้านี้...
กรณีกระแสข่าว ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 42 ปี ตำรวจนอกราชการสังกัด สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาคดีร่วมกันก่อเหตุยิงจรวดอาร์พีจี สารภาพว่าเป้าหมายต้องการยิงจรวดใส่กระทรวงกลาโหม ไม่ใช่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ตามที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)แถลงข่าว
ในเรื่องนี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวยืนยันอีกครั้งว่า ผู้ต้องหาให้การ สารภาพถึงเป้าหมายก่อเหตุที่แท้จริงคือวัดพระแก้ว โดยคำรับสารภาพและแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดำเนินการไปก่อน หน้านี้มีความสอดคล้องกัน นอกจากนี้ส่วนหนึ่งผู้ต้องหารับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ระหว่างการให้ปากคำ ส.ต.ต.บัณฑิต ไม่ได้แสดงอาการเคร่งเครียดต่องานที่ได้รับมาปฏิบัติ แม้เป้าหมายจะเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยให้ความเคารพนับถือ
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดียิงระเบิดอาร์พีจีใส่วัดพระแก้วว่า เมื่อเช้าวันเสาร์ได้นำตัวส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม และ นายศุภณัฐ หุลเวช ผู้ต้องหาคดีร่วมกันก่อเหตุยิงจรวดอาร์พีจี ใส่สถานที่สำคัญของชาติมายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญาเป็นครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-12 พ.ค.เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น พร้อมคัดค้านการประกันตัว ศาลอาญาพิจารณาคำร้องแล้วจึงอนุญาติให้ฝากขังก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
ส่วนนายวายุภักษ์ โนรี นายภาสกรศิริลักษณ์ และ พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้มารายงานตัว จากนั้นเมื่อทั้ง 3 คน เดินทางมารายงานตัวในเวลาไล่เลี่ยที่ตำรวจติดตามจับกุมผู้ต้องหา 2 คนแรกได้ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการยิงอาวุธใส่สถานที่สำคัญ ของชาติดำเนินคดีกับทั้ง 3 คนทันที ขณะนี้ทั้งสามคนยังอยู่ในการควบคุมในค่ายทหาร เพื่อสอบปากคำเบื้องต้นยังไม่ให้การอะไร อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวหากมีพยานหลักฐานเกี่ยวพันใครอีกก็จะขยายผลดำเนินคดีต่อไป.
...