สุวัจน์ ลิปตพัลลภ
"สุวัจน์" ชี้วิกฤติบ้านเมืองมีทางออกต้องเร่งการเจรจารอบ 3 ย้ำทางออกสูงสุดคือการยุบสภาแนะถอยคนละหลายก้าวเพื่อชาติเดินหน้าต่อได้ ระบุไม่จำเป็นต้องดึง "ทักษิณ" ร่วมวงเจรจา...
เมื่อวันที่ 13 เม.ย. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรครวมชาติพัฒนา เปิดเผยถึงทางออกของวิกฤติการเมืองไทยในขณะนี้ว่า ที่ผ่านมาเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดและเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเสียใจมากที่เกิดการสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อ ทั้งของพี่น้องประชาชนและทหาร นับเป็นการสูญเสียที่มีผลต่อความสงบเรียบร้อยและต่อชื่อเสียงของประเทศเป็นอย่างมาก ฉะนั้นมาถึงจุดนี้ทุกฝ่ายจะต้องพยายามกันอย่างเต็มที่ ถ้าเลยจุดนี้ไปจะเป็นอันตรายอันใหญ่หลวงต่อประเทศ ฉะนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องหาทางออกที่แท้จริง ที่ผ่านมามีการพูดคุยกันแล้ว 2 ครั้งโดยมีเป้าหมายการเจรจาก็ไม่ได้กว้างมาก เพราะถูกจำกัดไว้ในเรื่องของการยุบสภาเพียงเรื่องเดียว ฉะนั้นวันนี้น่าที่จะต้องมีการหารือเจรจากันอีกครั้งหนึ่งอย่างเร่งด่วน
"และคิดว่าเรื่องนี้เป็นความต้องการของส่วนรวมด้วย ที่อยากจะเห็นการเจรจาที่นำไปสู่การยุติ ถ้าเราคิดว่าแนวทางการเจรจาที่จะนำไปสู่การยุติ คือ การยุบสภาแล้วจะเป็นทางออกที่ดีต่อสถานการณ์ และอนาคตที่เรียบร้อยของประเทศ ก็ต้องรีบตกลงกันทั้ง 2 ฝ่าย" นายสุวัจน์ กล่าว
เมื่อถามว่า สำหรับรูปแบบในการเจรจานั้นควรเป็นลักษณะใด นายสุวัจน์ ตอบว่า รูปแบบการเจรจาที่เคยทำมาก็ดีอยู่แล้ว และการเจรจาก็มีอยู่เรื่องเดียวคือการยุบสภา เพียงแต่ต่างกันในเรื่องของเงื่อนเวลาเท่านั้น ฉะนั้นจึงไม่ต้องเสียเวลาไปคลำเป้าหมาย หากเป้าหมายยังเป็นจุดเดิม เพียงแต่เอาเหตุผลมาพูดคุยกัน แต่ละฝ่ายมีเหตุผลอย่างไร และเวลาใดที่จะสามารถยุติปัญหาได้ ทุกคนอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย แต่ตราบใดที่การเจรจายังไม่เกิดความกดดันเกิดขึ้นทุกวัน อากาศก็ร้อน อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ก็จะนำไปสู่ความรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา ฉะนั้นจึงต้องรีบเร่งในการเจรจา ถ้ายังไม่มีการเจรจาในตอนนี้ก็ควรจะมีรูปแบบการดำเนินการที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ การเจรจาควรจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ แต่ต้องพูดคุยกันด้วยเหตุผลโดยแท้จริงทั้ง 2 ฝ่าย และต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศ
ส่วนการเจรจาจะต้องคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่นั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า บุคคลที่จะเจรจาก็มีอยู่แล้วคงไม่จำเป็น เพราะเคยพูดคุยกันไป 2 รอบแล้ว ฉะนั้นก็ควรจะสานต่อในการเจรจากรอบเวลาให้ชัดเจน เพราะตอนนี้เรื่องเดียวที่จะคุยกันคือการยุบสภา ส่วนจะคุยกันที่ไหนก็ทำได้ หรือจะคุยนอกรอบหรือรูปแบบใดก็สามารถเจรจากันได้ เพราะถ้าจบโดยเร็วก็สามารถประกาศให้สาธารณะชนได้รับทราบ ซึ่งทุกคนรอฟังข่าวอยู่ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ขึ้นอยู่กับกรอบเวลาเพราะรัฐธรรมนูญไม่สามารถแก้ได้ในวันนี้พรุ่งนี้ ต้องอาศัยเวลา ฉะนั้นหากการเจรจาได้กรอบเวลาที่ชัดเจนแล้ว ถ้าเพียงพอที่จะแก้รัฐธรรมนูญได้ก็ทำไปพร้อมกัน แต่หากทำไม่ได้ก็ให้สภาชุดใหม่ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาจัดการไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทุกฝ่ายต้องยอมรับผลการเลือกตั้ง ถ้าผลออกมาอย่างไรให้จบ ทุกอย่างขอให้เอาไปพูดกันในเวทีสภาฯ ให้ทุกคนยอมรับผลการเลือกตั้ง ยอมรับการตัดสินใจของประชาชน นี่คือหลักประชาธิปไตย.
...