พรรคเพื่อไทย อ้าง มีพระสงฆ์นับหมื่นรูป เตรียมเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ...

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ ในฐานะรองผอ.ศูนย์ช่วยเหลือดูแลความปลอดภัยประชาชน(ศชปป.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. ในฐานะเลขานุการศปชช. ร่วมกันแถลงข่าว โดยนายวรวัจน์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่ร่วมกับกระบวนการชุมนุม แต่จะดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ทั้งนี้ ท่าทีจากสายต่างๆ ทราบว่า จะมีพระสงฆ์ออกมารวมตัวกันค่อนข้างมาก อาจเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทยที่ออกมาเป็นหลักหลายหมื่นรูป มาจากจุดต่างๆ ที่เห็นความไม่ถูกต้อง ต้องการให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ส่วนศชปป.ที่เริ่มเปิดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.นั้น ได้ติดตามความเคลื่อนไหว และสังเกตการณ์การเดินทางของประชาชนที่เดินทางเข้ามาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ศชปป.ได้รับการติดต่อจากผู้ประสานงานและประชาชนจากจังหวัดต่างๆ ที่เดินทางเข้าสู่จุดหมายเป็นจำนวนมาก ทางศชปป.ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามเส้นทางต่างๆ ที่อำนวยความสะดวก ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่เดินทางมาชุมนุมเป็นอย่างดี

นายวรวัจน์ กล่าวว่า ศชปป.ได้รับแจ้งเหตุการณ์และประสานงานช่วยเหลือในวันที่ 12 มี.ค. ดังนี้ ประการแรก ได้ประเมินจำนวนผู้ชุมนุมเดินทางจาก 32 จังหวัดทั่วประเทศ ที่เดินทางมาก่อนจากจังหวัดที่อยู่ห่างกทม. ภาคเหนือ มีคนมา 8 หมื่นคน ภาคอีสานมีคนมา 1.2 แสนคน ไม่มีการรายงานตรวจพบอาวุธของผู้เดินทางมาชุมนุม ที่เป็นเครื่องยืนยันว่า การชุมนุมจะเป็นไปโดยสันติ ในวันนี้จะมีประชาชนจากภาคกลาง 1 แสนกว่าคน ภาคตะวันตก 1 แสน ภาคใต้เดินทางมาแล้ว 3 หมื่นคน เมื่อมีคนเข้ามาชุมนุมในกทม.เป็นจำนวนมาก เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขความเดือดร้อนในเรื่องต่างๆ ก็ขอกราบอภัยพี่น้องกทม.ด้วย ฝากไปถึงพี่น้องที่มาชุมนุมให้เป็นไปด้วยความสงบ ขอความกรุณารัฐบาล และนายกฯที่จะไม่ใช้อาวุธใดกับประชาชน เพราะประชาชนมาด้วยใจบริสุทธิ์ นอกจากนี้ ฝากถึงรัฐบาล ที่มีทหารหรือตำรวจที่แสดงตัวให้การสนับสนุนคนเสื้อแดง ถือเป็นการแสดงออกตามสิทธิของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลต้องเปิดใจกว้าง อย่าไปใช้อำนาจ ความสงบจะเกิดได้ รัฐบาลต้องใจกว้างหากไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ เชื่อว่าจะมีการชุมนุมโดยสันติ

สำหรับประการที่ 2 เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจชั้นประทวน ที่ประจำจุดตรวจ ขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยแจ้งผู้บังคับบัญชาให้ดูแลเรื่องของอาหารการกิน โดยเฉพาะน้ำดื่ม เพราะอากาศร้อนจัด บริเวณจุดตั้งด่านไม่มีร้านค้า โดยเฉพาะจุดตรวจบริเวณต่างระดับอ่างทอง (บางปะหัน) และต่างระดับบางปะอิน

...

ประการที่ 3 มีการใช้รถแบ็กโฮขวางถนนบนเส้นทางหลัก บริเวณ อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ เพื่อกีดขวางไม่ให้ผู้เดินทางผ่าน ยังอยู่ระหว่างเจรจา และมีรายงานจากสน.ทองหล่อ ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง สั่งห้ามไม่ให้ครอบครัวของตำรวจในสังกัดสวมเสื้อแดง หากพบจะดำเนินการไล่ออกจากที่พักของหลวงทันที ขณะนี้มีไล่ออก 2 ครอบครัวแล้ว

น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ศชปป.ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง หากมีข่าวด่วนจะลงมาแถลงข่าวที่มากกว่าข่าวปกติ โดยจากที่ประเมินตัวเลขคนเข้าร่วมวันแรกมี 2 แสนคน แต่ที่ไม่สบายใจในกรณีที่มีการปลุกระดม และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนต่อต้านการชุมนุมคนเสื้อแดง และยังได้รับทราบจากแหล่งข่าวว่า จะมีกลุ่มบุคคลใส่เสื้อสีต่างๆ เช่น สีน้ำเงิน ได้รับภารกิจให้ยั่วยุ และทำการก่อก่วนการชุมนุมทุกรูปแบบ พรรคเพื่อไทยมีความกังวลต่อความปลอดภัยของประชาชน การยั่วยุหรือปลุกระดมกลุ่มบุคคลใดก็แล้วแต่ให้ลุกขึ้นมาต่อต้านการชุมนุมที่สงบสันติ เพราะอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความรุนแรง เหมือนน้ำผึ้งหยดเดียว จึงขอเตือนไปยังบุคคลทุกคน ที่มีเจตนายั่วยุก่อความรุนแรง ไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร ขอให้ยุติการกระทำเหล่านี้ เพื่อให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ สันติ และขอให้กลุ่มคนเสื้อแดงอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุที่รุนแรง และไม่ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาแสวงประโยชน์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

นอกจากนี้ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในกรณีที่พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.บันนังสตา เสียชีวิตจากการถูกโจมตีของผู้ก่อความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พ.ต.อ.สมเพียรเคยเดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม ทั้งที่ได้ทำงานชายแดนภาคใต้กว่า 40 ปี เคยปะทะผู้ร้ายเกือบ 100 ครั้ง บาดเจ็บ 8-9 ครั้ง เหลืออายุราชการแค่ปีกว่าจะเกษียณ จึงขอโยกย้ายไปเป็นผกก.สภ.กันตรัง จ.ตรัง แทนตำแหน่งเดิมที่ว่างอยู่ แต่เนื่องจากการโยกย้ายตำแหน่งครั้งนี้ที่สตช. เต็มไปด้วยการซื้อขายตำแหน่ง และสตช.ยังขาดผู้บังคับบัญชาที่แท้จริง

ดังนั้นพรรคขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ งต่อครอบครัวของพ.ต.อ.สมเพียร วีรบุรุษผู้เสียสละเพื่อความมั่นคงของชาติ ขอให้ดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุขคติในสัมปรายภพ อย่างไรก็ตาม ที่น่าเศร้าใจ และควรนำมาเป็นอุทาหรณ์คือ สิ่งที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง บุคคลในรัฐบาล รวมถึงนายกฯ ที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด กำกับดูแลสตช. ใช้งบประมาณแผ่นดินอย่างฟุ่มเฟือย โดยไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่ผู้เสี่ยงอันตรายในแนวหน้า ไม่สนใจความทุกข์ยากของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่ภยันตรายที่พวกเขาเผชิญอยู่ ก็หนักหนาสาหัส ยังถูกซ้ำเติมจากการทุจริตและไร้น้ำใจจากรัฐบาลอีก