"มาร์ค" เผยผลทดลองเครื่องจีที 200 ไม่ต่างจากสุ่ม ทดสอบ 20 ครั้งถูกเพียง 4 ครั้ง สั่งห้ามซื้อเพิ่ม พร้อมให้ ผบ.ทบ.เตรียมทำแผนโละใช้เครื่องที่มีอยู่...
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 16 ก.พ.2553 ที่ศูนย์แถลงข่าว ตึกนารีสโมสรทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุม ครม. ถึงผลการทดสอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ของคณะกรรมการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องตรวจระเบิดจีที 200 ที่มี คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช รมว.วิทยาศาสตร์เป็นประธานว่า ผลการทดลองโดยการนำเอาวัตถุระเบิดใส่ในกล่อง และมีกล่องเปล่า 3 กล่อง ปรากฏว่าทดสอบใช้จีที 200 ไป 20 ครั้งสามารถชี้ได้ถูกกล่อง 4 ครั้ง ซึ่งไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ หมายความว่าไม่ได้แตกต่างการกรณีที่สุ่มเอา
ดังนั้น สิ่งที่ชัดเจนคือจะไม่มีการซื้ออุปกรณ์นี้เพิ่มเติม สำหรับในพื้นที่ที่มีการยืนยันจากผู้ปฏิบัติว่าใช้งานได้ ขอให้ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และคณะกรรมการฯได้แจ้งผลการทดลองและอธิบายให้ตรงกัน และตนได้ขอให้ทุกหน่วยงานที่มีอุปกรณ์นี้อยู่ไปรวบรวมทำเป็นรายการใช้งานที่ผ่านมาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคณะกรรมการฯ รวมทั้งให้เร่งทำความเข้าใจให้เร็วที่สุดเมื่อได้ข้อมูลมาทั้งหมดแล้วค่อยมาตรวจสอบกันว่ามีประเด็นอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตนได้เชิญ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.มารับทราบผลการทดลองดังกล่าวแล้วและเบื้องต้น พล.อ.อนุพงษ์ เข้าใจหลักการการทดลองทุกอย่าง และขอให้ ผบ.ทบ.ไปเตรียมจัดทำแผนการทำงานหากไม่มีอุปกรณ์ว่าจะทำงานกันอย่างไรด้วย
ส่วนหากเปรียบเทียบกับสุนัขอันไหนจะคุ้มค่ากว่ากัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ขณะนี้ต้องถือว่าสุนัขเป็นเทคโนโลยีที่พิสูจน์ว่าได้ผลกว่า"
ด้าน นายเจะอามิง โตะตาหยง ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ 1 ในคณะกรรมการตรวจสอบประสิทธิภาพเครื่องจีที 200 กล่าวว่า เมื่อการทดสอบประสิทธิภาพมีผลสรุปว่าเครื่องสามารถตรวจสอบได้เพียง 4 ครั้งจากทั้งหมด 20 ครั้งก็ถือว่าเครื่องไม่มีคุณภาพ
ดังนั้น รัฐบาลจะต้องชะลอ การใช้งบประมาณทั้งหมดและเครื่องเดิมที่มีการใช้กันอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ก็ต้องเลิกและยุติการใช้ทั้งหมด ขณะนี้กรรมาธิการกำลังรอเอกสารที่ได้ขอความร่วมมือจากประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาส่งผลการตรวจสอบเครื่องจีที 200 กลับมา ก็จะชัดเจนมากขึ้น
“บริษัทที่มาขายให้กับหน่วยงานราชการถือว่าหลอกลวง กระบวนการตรงนี้ต้องตามต่อ ซึ่งหน่วยงานที่เสียหายคือหน่วยงานของรัฐ ต้องเรียกร้องค่าเสียหายต่อบริษัทที่นำเสนอข้อมูลเอาอุปกรณ์ที่ไม่ดีเข้ามาเสนอขาย อย่างไรก็ตาม ต่อจากนี้การจัดซื้ออุปกรณ์ด้านความมั่นคงของรัฐควรจะมีคณะกรรมการที่มีความชำนาญตรวจสอบก่อนทำการจัดซื้อจัดจ้าง โดยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะต้องประกอบไปด้วยทุกฝ่าย เมื่อผลการทดสอบออกมาเช่นนี้ทั่วโลกที่ใช้เครื่องนี้ก็คิดหนัก ขอให้เอาบรรทัดฐานการตรวจสอบของคณะกรรมการจากประเทศไทย จึงอยากให้ประเทศที่มีเครื่องนี้อยู่น่าจะตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่ เดี๋ยวจะหาว่าประเทศไทยไม่ให้ความเป็นธรรม” ประธานคณะกรรมาธิการฯกล่าว
...