นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ผู้จัดการ รบ. ยันไม่ลาออก-ไม่อึดอัด มติ ปชป. ปัดแก้ รธน. เชื่อ พรรคร่วมรัฐบาลจะยึดประโยชน์ชาติเป็นหลัก คุย อายุรบ.จะพยายามประคองให้ยาวที่สุด ตั้งใจอยากให้อยู่อีกปีกว่าๆ
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 ม.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณี พรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่ร่วมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ตนไม่มีความอัดอั้นใจ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่ต้องรับนำมาใส่ใจไว้ตลอดคือ ทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ของตัวเอง เพื่อชาติ บ้านเมือง ตามขอบเขตความรับผิดชอบให้เต็มที่ ตนรับใส่เกล้าฯไว้ตลอดเวลา และยึดเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตไปจนถึงการปฏิบัติงาน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด อย่าไปมีอารมณ์ เพราะทุกอย่างมีธรรมชาติของมันเอง การเมืองก็มีธรรมชาติการเมือง ต้องทำใจให้ได้ เวลาที่มาเป็นนักการเมือง ที่หลายคนเป็นห่วงว่าตนอึดอัดใจกับมติของพรรคที่ออกมา ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนมีความสุขกับการทำหน้าที่ ทุกวินาทีที่ทำหน้าที่ก็ทำด้วยสำนึกรับผิดชอบ ที่เกิดเป็นคนไทย หากจะทำอะไรให้แผ่นดินดีขึ้นโดยวิธีใดก็ตามจะพยายามทำ
เมื่อถามว่า เมื่อทำหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาลไม่เป็นผลสำเร็จ จะพิจารณาตัวเองอย่างไร นายสุเทพ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า มีคนพยายามยั่วยุตนอย่างนี้อยู่เรื่อย แต่ตนคิดว่า ตั้งแต่ทำหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาลมากว่า 1 ปี ถือว่าได้ทำงานประผลสำเร็จมาก แต่ถ้าพูดมากไปก็จะหาว่ายอตัวเอง ที่ผ่านมาทำหน้าที่ดีที่สุด และไม่เห็นข้อผิดพลาดที่เสียหายต่อประเทศ ตนเป็นคนชักชวนพรรคร่วมให้มาแก้ปัญหาของประเทศ โดยยึดประโยชน์บ้านเมืองเป็นตัวตั้ง แต่เป็นเรื่องปกติที่ทำงานด้วยกัน ก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ตนมีน้ำใจและความจริงใจให้พรรคร่วมมาโดยตลอด การแสดงความคิดเห็นของตนในที่ต่างๆได้ให้เกียรติและความสำคัญกับพรรคร่วมเช่นกัน แต่ตนอ่านเจอจากสื่อที่ระบุว่าเป็นเรื่องน่าละอายที่ตนไปพูดเข้าข้างรัฐบาล ก็ต้องชี้แจงว่าตนไม่ได้ละอายอะไร ในเมื่อทำงานด้วยกันก็ต้องมีใจให้กันเท่านั้นเอง
ต่อข้อถามว่าขณะนี้มีเสียงซุบซิบจาก ส.ส.ที่ใกล้ชิดนายสุเทพ ระบุว่าไม่คิดว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะกล้าหักกับเลขาธิการพรรคขนาดนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า ส.ส.ที่พูดอาจเป็น ส.ส.ใหม่ ตนเคยย้ำไปหลายครั้งแล้วว่าในพรรคประชาธิปัตย์มีวัฒนธรรม ประเพณีทางการเมืองไม่เหมือนพรรคอื่น เพราะทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นตามความคิดของแต่ละคนได้อย่างเสรี แม้แต่ ส.ส.ใหม่ ก็สามารถลุกขึ้นพูดแสดงเหตุผลตรงข้ามกับ ส.ส.ที่อยู่มา 30-40 ปีได้ ถือเป็นเรื่องปกติ มีหลายเรื่องที่ตนเห็นตรงกับนายกรัฐมนตรี แต่หลายเรื่องนายกรัฐมนตรีก็เห็นไม่เหมือนกับตน แต่พรรคจะเปิดให้แสดงความเห็นได้อย่างเต็มที่ จากนั้นจะให้สมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้ตัดสิน ทั้งหมดนี้คือประชาธิปไตย จึงไม่ใช่เรื่องว่าใครหักกับใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติออกมา ได้โทรศัพท์ประสานพรรคร่วมเพื่อทำความเข้าใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตั้งใจว่าหลังเปิดสมัยประชุมรัฐสภาจะนำคำตอบไปบอกกับพรรคร่วม แต่เทคโนโลยีสมัยนี้สูง ที่ประชุมยังอภิปรายไม่เสร็จสื่อก็ออกข่าวกันไปหมดแล้ว ตนคงไม่ต้องไปแล้ว เพราะก็รู้กันหมดแล้วว่าตนอภิปรายอย่างไร นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์และนายกรัฐมนตรีอภิปรายอย่างไรบ้าง ก็ชัดเจนหมดแล้ว เมื่อถามว่าแสดงว่าต่อไปนี้อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้เกิดใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น ตนต้องทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงให้เต็มที่ รวมทั้งช่วยรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลให้ดีที่สุด เมื่อรัฐบาลเข้มแข็ง ยืนหยัดบริหารประเทศได้ โอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศก็จะดีขึ้นตามไปด้วย และปัญหาทางการเมืองก็จะค่อยๆคลี่คลายขึ้นตามลำดับ
เมื่อถามว่าจะเป็นกาวใจในการประสานกับพรรคร่วมอย่างไร เพื่อให้การทำงานกับพรรคร่วมไม่เกิดอุปสรรค นายสุเทพ กล่าวว่า ในพรรคประชาธิปัตย์ถ้าไม่ใช่ตน คงไม่มีคนอื่นที่จะสามารถไปคุยกับพรรคร่วมได้ เพราะไม่เคยคบค้าใกล้ชิดกันมาก่อน อย่างไรตนก็คงต้องไปหา ไปพูดกับพรรคร่วม มีเรื่องอะไรก็คุยกันให้เข้าใจ โดยอธิบายไปตามความเป็นจริง เพราะการพูดความจริงถือว่าดีที่สุด เวลาพูดกับใครควรจะยึดความจริงเป็นที่ตั้ง การทำงานการเมืองโดยเฉพาะรัฐบาลพรรคร่วมมีเรื่องมากมายที่ต้องทำและแก้ปัญหา ให้กับบ้านเมือง แต่ประเด็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนี้เป็นแค่เรื่องหนึ่งที่ยกขึ้นมาพูดคุย และพรรคร่วมถือเป็นประเด็นสำคัญ แต่ไม่ได้มีผลได้-เสีย ที่กระทบกับประชาชนและบ้านเมือง ดังนั้นต้องตัดใจ ตนก็จะไปบอกว่าเรื่องนี้เป็นแค่ประเด็นเดียว แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังทำงานร่วมกันได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการทำงานต่อจากนี้ พรรคร่วมรัฐฐาลจะเชื่อใจพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร เพราะสัญญาที่ตกลงกันไว้ก่อนตั้งรัฐบาลก็ยังละทิ้งได้ นายสุเทพ กล่าวว่า บางครั้งคนเราต้องอดทน อดกลั้น เห็นแก่เรื่องใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องของบ้านเมือง เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่พรรคร่วมรัฐบาลระบุว่าจะหันไปร่วมมือกับฝ่ายค้านแทน นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะพรรคร่วมรัฐบาลมีเสรีที่จะคิดอย่างไรก็ได้ แต่ตนจะไปพูดคุยเพื่อบอกว่าให้อยู่ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อช่วยกันประคับประคองรัฐบาลต่อไปถือว่าดีที่สุดแล้ว เมื่อถามว่ายังคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะเชื่อคำพูดอยู่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ตนจะไปคุยไม่ได้ไปหลอกลวง ต้มตุ๋น แต่เอาหัวใจไปคุยกัน ถือเป็นหน้าที่ ตนเป็นคนขยัน แม้สติปัญญาไม่ดี ไม่ฉลาด แต่ยืนยันว่าขยัน
เมื่อถามว่าจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตามที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาระบุหรือ ไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังมีเสียงครบอยู่ ใครบอกว่ารัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อย ยืนยันว่าวันนี้เสียงยังครบ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่ากลุ้มใจไปก่อน เมื่อถามอีกว่า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาระบุว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะปล่อยฟรีโหวตเหมือนกัน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่านายชวรัตน์หมายความตามนั้นหรือไม่ คิดว่าอาจหมายความว่าเป็นขั้นตอนของการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่า แต่ถ้าเป็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นยังไม่ได้ยิน เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่พรรคร่วมจะแก้เผ็ดด้วยการปล่อยให้ ส.ส.ฟรีโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุเทพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ฟรีโหวตเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่โหวต ส.ส. 48 คนที่ตั้งใจจะไปร่วมโหวตนั้น พอเสียงส่วนใหญ่บอกว่ามติของพรรคออกมาเป็นเช่นนี้ ก็ต้องทำตามอีก 82 คนที่มีมติว่าจะไม่โหวต ที่จะมาบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ปล่อยฟรีโหวตแล้วเขาจะแก้เผ็ดด้วยการปล่อยฟรีโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องกัน เมื่อถามว่าหากถึงเวลาโหวตจริง จะมี ส.ส.เปลี่ยนใจหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การเมืองมีปัจจัยใหม่และเหตุการณ์ใหม่ๆเข้ามาตลอด ก็อาจทำให้มีโอกาสแก้ไขได้ เมื่อถามว่าจะกลายเป็นยิ่งกว่าฟรีโหวต คือ โหวตสวนมติของพรรคหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เป็นอย่างนั้น
เมื่อถามอีกว่าพรรคประชาธิปัตย์จะใช้อะไรในการดึงพรรคร่วมรัฐบาลเอาไว้ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องอยู่ที่หัวใจของพรรคร่วมว่าจะเอาบ้านเมืองอยู่รอดกันก่อนหรือไม่ เมื่อมาเป็นรัฐบาลแล้ว ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง เมื่อถามว่าแต่พรรคร่วมรัฐบาลระบุว่าเสียความรู้สึกกับพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว นายสุเทพ กล่าวว่า ในชีวิตประจำวันของทุกคนก็มีธรรมชาติอยู่ บางวันก็ดีใจ บางวันก็เสียใจ บางวันก็มีความรู้สึกดี บางวันก็เสียความรู้สึกบ้าง เป็นปกติ เมื่อถามว่าแต่ขณะนี้ถึงขั้นมีการมองว่าถ้าทำงานร่วมกันไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์อาจเลือกวิธียุบสภา นายสุเทพ กล่าวว่า ทำงานร่วมกันได้แน่นอน นายกรัฐมนตรีก็บอกกับสื่อชัดเจนแล้วว่าไม่ยุบสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายความว่าก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจเช่นนี้ รู้อยู่แล้วว่าถึงอย่างไรพรรคร่วมรัฐบาลก็จะไปหนีไปใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ใช่ พรรคร่วมรัฐบาลก็มีความคิดของเขา ตนก็พยายามที่จะอธิบายชี้แจงกับเพื่อนร่วมพรรคทุกอย่าง ทุกแง่มุมเท่าที่จะสามารถพูดได้ แต่ว่าเมื่อเหตุการณ์มาเป็นอย่างนี้ตนก็ต้องพยายามคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกรัฐมนตรีจะไปพบแกนนำพรรคร่วมด้วยตัวเอง นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นไปได้ เมื่อถามว่าแล้วจะมองหน้ากันติดหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็มองหน้ากันติด มองหน้ากันธรรมดา ตนว่าถ้ามีความจริงแล้วพูดความจริงกันก็มองหน้ากันธรรมดา เพราะไม่ได้โกรธเคืองอะไรกัน ไม่ได้เป็นศัตรู ต้องมีความอาฆาตอะไรกันจนถึงขั้นตั้งใจไม่มองหน้ากันเลยก็ไม่ใช่ เพียงแต่ว่ามีความคิดเห็นทางการเมืองต่อประเด็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญไม่ตรง กันเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่ามีการมองไปถึงอายุของรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อายุของรัฐบาลตนก็พยายามประคองให้ยาวที่สุด ถ้าตนทำได้ ส่วนตัวก็ตั้งใจว่าอยากให้รัฐบาลอยู่อีกปีกว่าๆ เพราะงานที่กำลังทำให้ประชาชนกำลังดีขึ้น ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนมีความสุขมากขึ้นกว่าช่วงของรัฐบาลที่แล้ว ดังนั้น ก็ควรพยายามทำต่อไป เมื่อถามว่าสรุปแล้วเรื่องนี้จะไม่ทำให้รัฐบาลอายุสั้นใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าคงไม่ใช่ ช่วยกันมองโลกในแง่ดีหน่อย เมื่อถามว่าได้ต่อสายคุยกับนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยหรือยัง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ต้องต่อสาย เพราะนายบรรหารคงได้ยินหมดแล้ว เมื่อถามย้ำว่าคิดว่าจะคุยด้วยยากหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ไม่ยาก คุยกันธรรมดา
...