มติ ที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ยอมแก้รัฐธรรมนูญ "มาร์ค" ลั่น พร้อมนั่งเป็นฝ่ายค้าน รับผิดชอบผลที่ตามมา ปัด ไม่เคยสัญญา แก้ระบบเขตเลือกตั้ง ท้าเปิดเทปเสียง...

เมื่อเวลาประมาณ 13.45 น. วันที่ 26 ม.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปยังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเข้าร่วมประชุมกรรมการบริหารพรรคหาข้อยุติ ถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยใช้เวลาหารือประมาณ 20 นาที ก่อนจะเดินลงมารับมอบข้าวสารจากประชาชนที่นำมาบริจาคเพื่อช่วยเหลือชาวเฮติ โดยผู้สื่อข่าวได้ถามถึงมติของกรรมการบริหารพรรค นายอภิสิทธิ์ ตอบเพียงสั้นๆว่า "รอที่ประชุม ส.ส.ของพรรคว่า จะฟรีโหวตหรือไม่" จากนั้นได้รีบเดินกลับขึ้นไปร่วมประชุมกับส.ส.พรรคทันที

ต่อมาเวลา 17.20 น.นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า มติที่ประชุม ส.ส.พรรคมีมติไม่ควรสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในประเด็นเขตเลือกตั้ง 82 ต่อ 48 เสียง ตามที่พรรคร่วมรัฐบาล ขอหารือมา ซึ่งเข้าใจว่าพรรคร่วมจะเสนอเป็นร่างเดียว เมื่อเราไม่เห็นด้วยต้องไม่เห็นทั้งร่าง ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้คำตอบกับพรรคร่วม เพื่อรักษาความสัมพันธ์อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้คุยกันแล้วว่าเป็นเรื่องของสภาฯ หรือพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล เราเคารพความสิทธิ และ ความตั้งใจของพรรคการเมือง แต่จุดยืนของแต่ละพรรคอาจะไม่ตรงกัน และไม่ใช่เรื่องนโยบายของรัฐบาล เมื่อถามว่า จะไม่นำมาสู่ความขัดแย้งในรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่มีความขัดแย้งอะไร เพราะเดิมบอกอยู่แล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะสนับสนุนหรือไม่ พรรคร่วมรัฐบาลก็เดินหน้าต่อ สิ่งเดียวที่ขอคืออย่าไปแก้ในประเด็น ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้ง และ ในประเด็นนี้ ไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้งอะไรก็ให้เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาพิจารณาไป

ต่อข้อถามว่า นายกรัฐมนตรี จะต้องไปแจ้ง มติพรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคร่วมรัฐบาลเอง หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยินดีจะนัดพบและแจ้งผลมติของพรรค เข้าใจว่าทางพรรคกิจสังคม จะเป็นเจ้าภาพในการพบกันกับพรรคร่วมรัฐบาลในครั้งต่อไป เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่เอาเรื่องการไม่ไว้วางใจมากดดันเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่เกี่ยวกันเพราะได้คุยกันแล้วว่าเรื่องของรัฐบาลก็เป็นส่วนของรัฐบาล เรื่องของสภาก็เป็นเรื่องของสภาฯ เมื่อถามว่า แต่มีการขู่ว่าไม่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ หรืออาจจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันเป็นสิทธิของแต่ละพรรคการเมือง เมื่อถามอีกว่า เกรงว่าจะเป็นชนวนนำไปสู่การยุบสภา หรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าแต่ละพรรคการเมืองจะตัดสินใจอะไรต้องมีเหตุผลของตัวเองและมีหน้าที่ต้องอธิบายกันไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่อไปพรรคร่วมจะมั่นใจในสัญญาของพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครผิดสัญญาเลย เมื่อถามว่า แต่นายกฯเคยรับปาก เป็นเงื่อนไขว่าจะแก้รัฐธรรมนูญในการร่วมรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ไปเปิดเทปไหมล่ะ คือผมได้เรียนแล้ววันที่ไปคุยกันเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล เขาถามเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมบอกว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่แก้เรื่องนิรโทษกรรมก็คงไม่เป็นปัญหา แต่จุดยืนของแต่ละพรรคจะไม่ตรงกัน ผมยังจำได้ว่าเขายกประเด็นเขตเลือกตั้งขึ้นมา ผมยังบอกเลยว่าประเด็นนี้ ลำบากหน่อย เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้เสนอ เมื่อครั้งที่ร่างรัฐธรรมนูญ และ ขอความเห็นจากพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้เสนอให้ยืนระบบเขตใหญ่ ส่วนประเด็นอื่นที่หารือกันนั้นมีมาก เช่น ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง หรือ ในประเด็นที่เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ผมก็บอกว่าประเด็นเหล่านั้นคงไม่เป็นปัญหา แต่ประเด็นที่คุยในขณะนี้ เป็นประเด็นเรื่องเขตเลือกตั้งที่เป็นเรื่องของระบบเลือกตั้ง และแต่ละพรรคการเมือง มีความคิดเห็นแตกต่างกัน เรารับมาพิจารณา ความจริงมีช่วงหนึ่ง ที่ผมบอกว่ายินดีถ้าเรื่องนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ในภาพรวม และนำไปสู่ความสมานฉันท์ โดยมีประชาชนลงประชามติ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ผิดสัญญา ผมเป็นคนถือเรื่องนี้ถึงได้ระมัดระวังทุกครั้ง เวลาที่จะพูดคุยหรือตกลงอะไรกับใคร ต้องมีความเข้าใจที่ชัดเจน"

เมื่อถามว่า กังวลเรื่องการทำงานร่วมกันต่อไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องพูดคุย และทำความเข้าใจกัน เพราะบางเรื่องยังมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่เรื่องที่เป็นเรื่องของรัฐบาล และการบริหารงานต้องเดินไปด้วยกัน ถ้าเราจะตัดสินใจไม่เดิน ก็เป็นสิทธิของเขา เป็นเรื่องที่เราไม่ได้บังคับกันอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ตกลงกัน ก็บอกว่าอยากจะแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น เรื่องเศรษฐกิจ มาทำงานร่วมกัน เมื่อถามว่า นายกฯ เคยระบุว่าจะยึดประโยน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก แสดงว่า การที่พรรคร่วมเสนอมาเช่นนี้ไม่เข้าข่ายหลักเกณฑ์ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นที่ต่างกัน ตนบอกแล้วว่าเรื่องเขตใหญ่หรือเขตเล็ก ทางพรรคร่วมรัฐบาลเห็นว่าเขตเล็กป ระชาชนได้ประโยชน์จากการที่ ส.ส.ลงพื้นที่ ทั่วถึง และเป็นระบบสากลมากกว่า แต่พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าประโยชน์ของประชาชน คือในระบบเขตใหญ่มีความแตกแยกน้อยกว่าและได้ ส.ส.มาทำงานในระดับชาติมากขึ้น และเรามีความเชื่อว่าอาจจะสกัดระบบธุรกิจการเมืองได้ดีกว่า

ต่อข้อถามว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์กลัวเป็นฝ่ายค้านอย่างคำขู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเขาจะขู่อะไร เป็นเพียงการวิเคราะห์สถานการณ์กันไป ในพรรคประชาธิปัตย์ ยังวิเคราะห์กันว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจ เราต้องยอมรับในการตัดสินใจของเรา เมื่อเราตัดสินใจแล้วเราต้องรับผลที่ตามมา เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า เตรียมใจรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มองว่าถ้าทุกอย่างเรายึดถือตามแนวทางที่ตกลงกันไว้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ไม่ได้แปลว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน พรรคประชาธิปัตย์ก็มี 170 กว่าเสียงเท่านั้น

เมื่อถามว่าเสียงของพรรคจะโหวตไปในแนวทางเดียวกันใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ใช่ เพราะก่อนที่จะลงมติได้มีการตกลงกันว่าจะมีการเปิดโอกาสให้ฟรีโหวตหรือไม่ ซึ่งเห็นตรงกันว่า ไม่ควรให้มีการฟรีโหวต" เมื่อถามว่า จะรับปฏิกิริยาของพรรคร่วมที่จะมีต่อจากนี้ไปได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รับได้อยู่แล้ว

...