ปชป. อัดรัฐใช้สารพัดวิธีสกปรกและบิดเบือน คุกคามหวังลดจำนวนม็อบ อ้าง นายกรัฐมนตรี สมรู้ร่วมคิดแผนจัดม็อบชนม็อบ...
"องอาจ"ชี้รัฐใช้วิธีสกปรก 3 กลยุทธ์ทำลาย กปปส.
วันนี้ (5 ม.ค.56) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การชุมนุมของประชาชนกว่าสองเดือนที่ผ่านมาว่า ได้ถูกรัฐบาลใช้กลยุทธ์ทำลายการชุมนุมและข่มขู่คุกคามอยู่ตลอดเวลา เพื่อหวังที่จะลดจำนวนผู้ชุมนุมให้อ่อนล้าและเลิกไปเอง โดยไม่คิดแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้องของประชาชน แต่กลับใช้กลยุทธ์ 3 ข้อคือ 1. สร้างขบวนการใส่ร้ายป้ายสีแกนนำและผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ที่กล่าวหาว่าผู้ชุมนุมยึดกระทรวงมหาดไทย เพื่อซ่องสุมอาวุธที่จะนำไปสู่ความรุนแรง 2. การข่มขู่ คุกคาม มีการยิงปืนถล่มบ้านแกนนำและนักการเมือง ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลรวมถึงบ้านของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ หรือโยนระเบิดใส่ที่ชุมนุม ยิงการ์ดและมวลชนเพื่อให้ประชาชนหวาดกลัวไม่กล้ามาร่วมชุมนุม 3. การสร้างข่าวเท็จอย่างต่อเนื่องโดยหวังทำลายน้ำหนักการชุมนุม ทั้งการให้สัมภาษณ์ของโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า มีอดีต พล.อ.อักษรย่อ ด.และ ป. หนุนรอการปฏิวัติ เพื่อสร้างข่าวเท็จปลุกระดมมวลชน นปช. และทำให้สังคมเข้าใจผิด แต่ไม่ได้ผล เพราะผู้ชุมนุมกลับเพิ่มขึ้น สะท้อนว่ากลยุทธ์ของรัฐบาล ไม่สามารถยับยั้งประชาชนได้ เช่นเดียวกับที่ปล่อยข่าวว่า ผู้ชุมนุม กปปส.ที่จะจัดชุมนุมใหญ่วันที่ 13 ม.ค.57 มีการระดมกลุ่มฮาร์ดคอร์ 6 พันคน สร้างความวุ่นวายเพื่อนำไปสู่การปฏิวัติว่า เป็นการสร้างภาพหลอน หลอกลวงประชาชน และมวลชนของตัวเองจึงขอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ยุติการใช้กลยุทธ์ที่ผิดพลาดนี้ โดยลดทอนอำนาจตัวเองให้สังคมอยู่ได้ด้วยความสงบสุขมากกว่าการรักษาอำนาจรักษาการจะดีกว่า
อ้าง "ยิ่งลักษณ์" สมรู้ร่วมคิดแผนจัดม็อบชนม็อบ บี้ รับผิดชอบผล
นายองอาจ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่กลุ่มสนับสนุนรัฐบาล คนเสื้อแดงประกาศนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 13 ม.ค.รอบพื้นที่ กทม.นั้น ก็เป็นการชุมนุมที่ก่อให้เกิดการนำไปสู่การเผชิญหน้ากันระหว่างกลุ่ม นปช.และ กปปส.ได้ แต่เหตุใดนายกฯ ซึ่งมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยกลับเปิดโอกาสให้มีการชุมนุมที่สุ่มเสี่ยงที่อาจกลายเป็นเงื่อนไขการเผชิญหน้าจนนำไปสู่ความรุนแรงระหว่างประชาชนสองกลุ่ม ซึ่งนายกฯ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะแกนนำคนเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยทำงานเป็นเนื้อเดียวกันจนแยกไม่ออก จึงไม่แน่ใจว่า นายกฯ จะสมรู้ร่วมคิดที่ต้องการให้มีการปะทะกันระหว่างประชาชนหรือไม่ และต้องรับผิดชอบต่อวิกฤติที่จะเกิดขึ้น จึงขอเรียกร้องให้ทบทวนและยับยั้งอย่าให้เกิดความรุนแรงในบ้านเมือง
สับเละบริหาร 2 ปี ก่อหนี้แถมส่งเสริมทุจริต
นายองอาจ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย กล่าวหาแกนนำผู้ชุมนุมว่า เป็นคนไทยหรือไม่เพราะทำลายเศรษฐกิจชาติในการปิดกรุงเทพฯ ว่า ขอถามกลับไปยังพรรคเพื่อไทย และนายกฯ ว่า พวกคุณยังเป็นคนไทยหรือไม่จะดีกว่า ว่าทำไมรัฐบาลนี้จึงทำให้ประเทศบอบช้ำมากขนาดนี้ เพราะต้นตอปัญหาเกิดจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ไม่แก้ปัญหาการโกง ทุจริต สร้างเงื่อนไขส่งเสริมการทุจริต ลุแก่อำนาจซ้ำเหิมเกริมในการใช้อิทธิพลจัดการฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาล โดยฟางเส้นสุดท้ายคือ การออกกฎหมายนิรโทษกรรมช่วยคนโกง คนเผา คนผิดอาญา จนประชาชนทั้งแผ่นดินยอมรับไม่ได้ จนต้องออกมาทำให้ออกมาชุมนุมต่อต้านเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศ จึงถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคนไทยหรือไม่ที่ทำให้ประเทศไทยบอบช้ำเช่นนี้แถมยังเพาะหนี้สิน แค่ช่วง 2 ปี กู้เงินสูงเป็นประวัติกาลกว่า 1 ล้านล้านบาท ยังไม่นับที่พยายามจะกู้เพิ่มอีก 2 ล้านล้านบาท การปิดกรุงเทพฯ ของ กปปส.ไม่ได้ทำลายเศรษฐกิจ แค่เป็นมาตรการกดดันรัฐบาล เพราะผู้ที่ทุบหม้อข้าวประเทศคือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และระบอบทักษิณ ที่ส่งเสริมการทุจริตทุกระดับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องถามใช้วันหยุดพักผ่อนพิจารณาตัวเองว่าใช่คนไทยหรือไม่
"มัลลิกา"สวน"สุรพงษ์"บิดเบือน ขู่ ม็อบร่วมชุมนุมโทษประหาร
ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการองนายกฯ รมว.การต่างประเทศ ในฐานะผู้กำกับดูแล ศอ.รส. ออกมาข่มขู่ประชาชนที่ออกมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาลว่า จะมีโทษสูงถึงประหารชีวิตว่า เป็นเรื่องที่รับไม่ได้เพราะเป็นการใช้วาทกรรมที่เจตนาข่มขู่ คุกคามประชาชน ผิดไปจากข้อเท็จจริงของกฎหมายที่ระบุ ทั้งนี้ คำว่า ปฏิวัติประชาชนนั้น ไม่มีโทษหนักอย่างที่ นายสุรพงษ์ ระบุ เพราะเป็นการขับเคลื่อนภายใต้รัฐธรรมนูญที่ชุมนุมปราศจากอาวุธ ยึดสันติอหิงสา หากเปรียบก็คล้ายกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม การปฏิวัติสังคม
ดังนั้น ขอฝากไปถึงนายสุรพงษ์ว่า ประชาชนไม่กลัวคำขู่ที่บิดเบือนเพราะทุกคนเสียสละเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติ แต่สิ่งที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสุรพงษ์ และรัฐบาลทำคือ ยอมสละชาติเพื่อรักษาอำนาจของตัวเองต่างหากที่ควรถูกประณาม
แฉปลัด อบต.น้ำก้อ ถูกมือมืดยิงถล่ม
น.ส.มัลลิกา กล่าวอีกว่า การขุ่มขู่ของรัฐบาลกำลังลุกลามหนัก ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ประชาชนที่เคยร่วมกิจกรรมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณคือ นายเกียรติศักดิ์ สายแก้วดี ปลัด อบต.น้ำก้อ จ.เพชรบูรณ์ ได้ร้องทุกข์ว่าถูกตำรวจในพื้นที่ข่มขู่ หลังโพสต์ภาพการร่วมชุมนุมผ่านเฟซบุ๊ก โดยเมื่อคืนนี้มีการยิงใส่รถสองคันในบ้านทำให้เกิดความหวาดกลัวว่าจะได้รับอันตราย ซึ่งสมาชิกสาขาของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เข้าไปรับตัวออกจากบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว แต่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องอย่างเป็นขบวนการจากโซเชียลมีเดีย ไปยังวิทยุชุมชน เพื่อสร้างความหวาดกลัวเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ศอ.รส.ที่น้องช่วยกันขจัดความเหิมเกริมของคนเหล่านี้ ที่ใช้อิทธิพลมืดข่มขู่คุกคามหวังปองร้ายต่อชีวิตคนเห็นต่างเพราะเป็นการคุกคามและเป็นภัยต่อประชาชน.
...