"สตช." ประเมิน "ชัตดาวน์ กทม." ส่อรุนแรง ชี้มวลชนหลักเคลื่อนไหวใช้ยาเสพติดปลุกเร้าความกล้า หวั่นมือที่สามป่วนชุมนุม ยันรัฐเตือนด้วยความห่วงใย
วันที่ 5 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจว่า ตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. ได้ประกาศว่าจะนำกลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติการปิด กทม. ตามแผน “ชัตดาวน์กรุงเทพฯ” โดยตั้งเวทีปิดการจราจรตามแยกต่างๆ ทั่ว กทม.ประมาณ 20 จุดนั้น
จากข้อมูลของหน่วยงานด้านความมั่นคงและหน่วยงานด้านข่าวกรอง ยืนยันตรงกันว่า จะมีการนำมวลชนมาจากหลายภาค โดยเฉพาะมวลชนที่เคยเรียกร้องด้านการเกษตรจะเป็นกลุ่มมวลชนหลักในการเคลื่อนไหว และจากพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุมพบว่ามีการใช้ยาเสพติดเพื่อปลุกเร้าความกล้าในการปฏิบัติการ จึงเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง และจากปฏิบัติการครั้งก่อนที่มีการยั่วยุสร้างความรุนแรงจนทำให้มีผู้เสียชีวิตมาแล้ว เจ้าหน้าที่ประเมินแล้วว่าหากกลุ่มผู้ชุมนุมเลือกใช้พื้นที่ปฏิบัติการอาจเกิดความรุนแรงได้ เช่น แผนที่จะบุกไปยังที่ทำการของกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม การปิดสถานที่ราชการ การตัดน้ำตัดไฟสถานที่เป้าหมาย เป็นต้น
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา รัฐบาลได้แสดงความห่วงใยและได้เตือนพี่น้องประชาชนในกรณีที่อาจถูกมือที่ 3 เข้ามาก่อความรุนแรงและยกระดับสถานการณ์ มีการทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ และแอบอ้างว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด ยั่วยุและสร้างความเกลียดชังระหว่างกัน จากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น มีการจับกุมผู้กระทำผิดจากเหตุการณ์ชุมนุมที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถยึดอาวุธปืนและวัตถุระเบิดได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้รับจ้างให้มาทำร้ายพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่
...
รวมทั้งจากเหตุการณ์การชุมนุมที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2556 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้ทุบรถยนต์ของทางราชการ และได้นำอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นพบว่าได้มีการซื้อกระสุนปืนที่ใช้กับปืนที่หายไปจากร้านขายกระสุนปืนเป็นจำนวนมาก จึงเชื่อได้ว่าผู้ชุมนุมกลุ่มที่ได้นำอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ไป อาจใช้อาวุธดังกล่าวมาใช้ในการก่อความไม่สงบในครั้งนี้
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลมีความห่วงใยในความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน และหากการชุมนุมทำด้วยความสงบอยู่ภายใต้กฎหมายก็เป็นสิทธิอันชอบที่กระทำได้ แต่การชุมนุมครั้งที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมบางส่วนมีพฤติกรรมที่ละเมิดกฎหมายและละเมิดสิทธิของผู้อื่น และมีการใช้ความรุนแรง
ดังนั้นรัฐบาลจึงขอวิงวอนให้ผู้ที่เตรียมก่อความรุนแรงได้หยุดกระทำดังกล่าว และขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังเนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมบางกลุ่มมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง และขอให้ประชาชนตระหนักว่า การกระทำของนายสุเทพที่ได้ชักชวนประชาชนให้ร่วมกระทำนั้น หากเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ก็อาจทำให้ประชาชนทั้งหลายจะต้องถูกดำเนินคดีได้
ทั้งนี้ รัฐบาลจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้บ้านเมืองกลับมาสู่ความสงบ เรียบร้อย เพื่อเตรียมเข้าสู่การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. นี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข