สัญญาณบางอย่างที่ส่งมาจากที่ประชุมผู้นำจี  20  ถึงภาวะเศรษฐกิจโลก   โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯกับการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจการเงินระลอกใหม่น่าสนใจไม่น้อย   กระทรวงการคลังสหรัฐฯ   ประกาศจุดยืนในที่ประชุมชัดเจน   ถึงเวลาที่   ชาวอเมริกันจะต้องอดออมมากขึ้น   และบรรดาชาติที่มุ่งจะขายสินค้าให้กับสหรัฐฯจะต้องมองหาช่องทางอื่นๆ

ในการสร้างความเจริญเติบโตให้กับเศรษฐกิจของตัวเอง

เป็นคำพูดของ รมว.คลังสหรัฐฯ  ทิมโมธี  ไกธ์เนอร์  ซะด้วย ที่ต้องยอมรับความจริงก็คือ  การเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศจะอาศัยการส่งออกเป็นหลักต่อไปไม่ได้ แต่ละประเทศจะเน้นเรื่องการออมแทนการใช้จ่าย เป้าหมายการออมมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 40 ของรายได้

แผนการเงินของโลกจะมีการปฏิรูปกันใหม่หมด

กลับมาที่แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้ ไทยเข้มแข็ง ถูกวิจารณ์มาก วันนี้ยังอาจจะพิสูจน์ความสำเร็จหรือล้มเหลวไม่ได้ชัดนัก แต่ในทางด้านทฤษฎีแล้ว การเริ่มต้นโครงการและเป้าหมายของโครงการ รวมทั้งโครงสร้างของโครงการก็พอจะคำนวณได้ว่าสุดท้ายจะได้กำไรหรือขาดทุน

เมื่อเข้ามาบริหารประเทศใหม่ๆ มักจะได้ยินคำพูดของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจว่า เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้น  เศรษฐกิจบ้านเราก็จะฟื้นตามไปด้วย ไปร่วมประชุมจี 20 เที่ยวนี้ นายกฯอภิสิทธิ์คงหูตาสว่างขึ้นเยอะ

วิสัยทัศน์สำคัญที่สุด

เข้าใจว่าทั้งนายกฯอภิสิทธิ์   ทั้งกรณ์   จาติกวณิช   รมว.คลังก็พยายามที่จะสร้างภาวะผู้นำเพื่อกำจัดจุดอ่อนของตัวเอง   แต่ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างรอยต่อตรงนี้กลายเป็นสุญญากาศของอำนาจขึ้นมา

ที่หมายถึงบารมี

การจะสร้างภาวะผู้นำ โดยสร้างภาพให้เด่นขึ้นมาจากความล้มเหลวของผู้อื่น เท่ากับเป็นการสร้างศัตรูมากกว่าการสร้างบารมี

ทำไมพรรคภูมิใจไทยที่แกนนำพรรคแต่ละคนโดนดูถูกว่าต้นทุนต่ำ จึงสามารถที่จะแย่งซีนความมีภาวะผู้นำชั่วคราวไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่แต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เพราะความใจกว้างและใจถึง

วันนี้ รมต.ภูมิใจไทย ก้าวล้ำหน้ากว่า รมต.ประชาธิปัตย์ อีกก้าว จับมือ 3 กระทรวงที่รับผิดชอบทำงานร่วมกันเพื่อให้งานไปถึงเป้าหมายสุดท้ายอย่างราบรื่น ทั้งมหาดไทย คมนาคม พาณิชย์ ไม่ต้องคอยไประวังว่าจะสะดุดเท้าใครเข้า ในขณะที่พรรคแกนนำรัฐบาลยังอีนุงตุงนังไม่เลิก แทงข้างหลังกันไม่หยุด.

...

หมัดเหล็ก