ขณะที่ผู้คนพุ่งความสนใจกังวลไปที่ความวุ่นวายทางการเมือง...ปัญหาอีกด้านที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ถูกเมินข้าม

นับจากวันนี้   เหลืออีกไม่กี่วัน...ปฏิบัติการเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามายึดเซ้งแผ่นดินไทย แย่งที่ทำกินของคนไทยกำลังจะเป็นจริง

ด้วยการทำข้อผูกพันเปิดเสรีการลงทุนอาเซียนด้านเกษตร, ประมง, ป่าไม้ ให้ต่างชาติเข้ามาใช้พื้นที่เกษตรของไทยได้  และให้สิทธิถือหุ้นข้างมาก...ได้มากกว่าคนไทย



ต้นเดือนหน้า ตัวแทนประเทศจะเดินทางไปประชุมเจรจาเป็นรอบสุดท้าย ที่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อให้เสร็จทันก่อนจะมีการเซ็นลงนามในการประชุมอาเซียน ซัมมิท ที่หัวหิน ในช่วงวันที่ 23-25 ต.ค.นี้

การลงนามเกิดขึ้น มีผลให้ปีหน้า...พ.ศ.2553 ต่างชาติสามารถเข้าลงทุนด้านการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์พืช, การทำประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทุกชนิดทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม, การทำสวนป่าไม้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น สวนยางพารา, สวนกฤษณา, สวนยูคาลิปตัส ฯลฯ

ต่างชาติที่มีเงินหนาสามารถเข้ามาทำได้ แย่งอาชีพ แย่งที่ดินเกษตรไทยได้ โดยถูกกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องใช้นอมินีอีกต่อไป

ก่อนการเซ็นสัญญาจะเกิดขึ้น...นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบลงนามโดยตรง ต้องฉุกคิดให้ดีว่า กระบวนทำข้อผูกพันเปิดเสรีการลงทุนที่จะเกิดขึ้นนี้...ชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 แล้วหรือยัง

ระวังการลงนามครั้งนี้ จะกลายเป็นหอกย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง... นักการเมืองที่ได้ข้อมูลความจริงไม่หมด มีสิทธิถูกข้าราชการที่รู้ดี ทำเรื่องนี้มาตลอด หลอกวางยาให้ตกม้าตายได้ง่ายๆ

เพราะการลงนามเปิดเสรีการลงทุนครั้งนี้ มีหลายอย่างเหมือนกรณีเขาพระวิหาร...หน่วยราชการของรัฐไปยื่นร่างข้อผูกพัน ทำข้อตกลงกับต่างประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190

เจตนารมณ์ของมาตรานี้ ให้สิทธิประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความเห็นสนับสนุน หรือคัดค้าน ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไปจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของคนไทยส่วนใหญ่ หรือมีผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจของประเทศและผลประโยชน์ต่างๆ

หากหน่วยงานของรัฐไปทำสัญญาใดๆ แล้วก่อให้เกิดผลกระทบต่อชาติ หรือทำให้ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ รัฐสภาก็สามารถยับยั้งได้



นอกจากนี้ รัฐสภายังสามารถตรวจสอบกระบวนการเจรจาทำสัญญาระหว่างประเทศได้ ก่อนที่ไทยจะมีการลงนามในสัญญา เพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติ สามารถไม่อนุมัติให้ลงนามในสัญญาก็ได้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่า การทำสัญญาจะเกิดผลเสียต่อประเทศชาติ

แต่การเปิดเสรีการลงทุนอาเซียนที่จะเปิดทางให้ต่างชาติมีสิทธิเซ้งแผ่นดินไทยได้...ไม่ได้มีการทำตามขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 แม้แต่นิดเดียว

ที่ผ่านมามีเพียง "ความตกลงเปิดเสรีการลงทุนอาเซียน (ACIA)" ที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจภายใต้การบริหารของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ลงนามไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเท่านั้น...ที่ทำถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ

แต่การทำ "ข้อผูกพัน" ที่จะเปิดเสรีการลงทุน 3 สาขา ถือเป็นสัญญาที่จะต้องทำขึ้นใหม่อีกฉบับ เพราะมีลักษณะผูกพันเพิ่มเติมไปจากตัวสัญญาความตกลง ยังไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนไปแสดงเจตนารมณ์เปิดเสรี

ทั้งที่การทำข้อผูกพันการเปิดเสรีการลงทุน 3 สาขา การเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์พืช, การทำประมงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทุกชนิดทั้งในน้ำจืดและทางทะเล และการทำสวนป่าไม้ทุกประเภท มีความสำคัญ และสร้างผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนไทยเป็นอย่างมาก

เนื่องจากเป็นสาขาที่กฎหมายของไทย กำหนดให้เป็นอาชีพสงวนเก็บไว้ให้เฉพาะคนไทยเท่านั้น

ไม่เพียงจะไม่เคยขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เท่านั้น...ตัวแทนประเทศไทย ที่ไปแสดงเจตจำนงยื่นร่างสัญญาเปิดเสรีแล้ว ไม่เคยเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทุกภาคส่วนจากต่างจังหวัดที่ประกอบอาชีพทางการเกษตรอีกด้วย

มีเพียงการจัดสัมมนาแบบจัดฉาก เชิญแต่หน้าม้าในกรุงเทพฯมาฟังบรรยาย... ทั้งที่การเปิดเสรี 3 สาขา กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเป็นชาวบ้าน เป็นเกษตรกรที่อยู่ในต่างจังหวัด...กลับไม่ได้รับเชิญร่วมฟังความเห็น

ยิ่งไปกว่านั้น การอภิปรายในการสัมมนาที่อ้างรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก็ไม่ได้มีการพูดชี้แจงถึง 3 สาขาที่จะเปิดเสรีแต่อย่างใดเลย...พูดชี้แจงแต่เรื่องทั่วๆไป



สรุปแล้ว ไม่เคยมีการเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชน ก่อนการเสนอร่างเปิดเสรี...ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190

แค่นั้นไม่พอ...หน่วยราชการซึ่งมีหน้าที่ไปเจรจากับต่างประเทศ ยังไม่มีข้อมูล ผลการศึกษาวิจัยมารองรับก่อนการเปิดเสรี ว่าจะเกิดผลดีผลเสียต่อเกษตรกรแค่ไหน มีผลกระทบด้านอื่นหรือไม่

อย่าง การให้ต่างชาติลงทุนเพาะพันธุ์ขยายพันธุ์พืช มีการนำพันธุ์พืชจากต่างประเทศเข้ามาเพาะขยายพันธุ์จะมีผลต่อการกลายพันธุ์ของพืชท้องถิ่นไทยหรือไม่

การเปิดเสรีเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมชายฝั่งทะเลไทยหรือไม่...การเปิดเสรีให้ต่างชาติทำสวนป่า จะมาแย่งการใช้ที่ดินในประเทศไทยอย่างไร

เนื่องจากในอนาคตความต้องการใช้ที่ดินของไทยเองจะมากขึ้น ปลูกพืชพลังงานทดแทนจะเพิ่มขึ้น ให้ต่างชาติเข้ามาใช้ที่ดินปลูกป่าได้โดยเสรีจะควบคุม บริหารจัดการใช้ที่ดินให้สอดคล้องกับความต้องการและความมั่นคงของประเทศได้อย่างไร



อย่าลืมว่า ความตกลงการลงทุนอาเซียนให้สิทธิในการคุ้มครองนักลงทุนต่างชาติข้างเดียว...ไม่ได้คุ้มครองนักลงทุนไทย

ที่สำคัญ การเดินหน้าเปิดเสรีแบบไม่สนรัฐธรรมนูญ...การเจรจาที่ผ่านมา มีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับล่างเป็นตัวแทนประเทศไปเจรจา

ตกลงเจรจาได้อย่างไร...ประเทศไทยเสียเปรียบแต่ฝ่ายเดียว

ประเทศไทยจะเปิดประตูให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนเสรี 3 สาขา...การเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์พืช, เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการทำสวนป่าไม้

เราเปิดให้เขาทำได้...ประเทศอื่นเปิดให้เราเหมือนอย่างที่เราเปิดให้เขาหรือไม่?

ผลการเจรจาที่ผ่านมา....บูรไน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ลาว, พม่า, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย ยังคงสงวนไม่เปิดเสรีให้เรา

มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวที่ให้สิทธิต่างชาติเข้ามาเซ้งแผ่นดิน แย่งที่ทำกินของคนไทย

ส่วนจะอ้างว่า มีบางประเทศอื่นยอมเปิดเสรีอ้าซ่าให้เราเหมือนกัน...สิงคโปร์

เปิดให้...ก็เหมือนไม่เปิด

เพราะสิงคโปร์เป็นแค่เกาะเล็กๆ ไม่มีที่ดินให้ทำเกษตร เปิดเสรีให้เรา แล้วคนไทยจะนำที่ดินตรงไหนในสิงคโปร์ทำอะไรได้

มีแต่สิงคโปร์ได้กับได้...ได้ที่ดินของคนไทยไปทำประโยชน์ให้ประเทศตัวเอง

ในเมื่อการเจรจาทำข้อผูกพันเปิดเสรีการลงทุน ไม่เคยเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา...ฉะนั้นก่อนที่ข้าราชการระดับล่างซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเจรจา จะทำให้ประเทศชาติเพลี่ยงพล้ำเสียหายไปมากกว่านี้

ทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ ต้องมีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง รีบออกมาโต้แย้ง เพื่อนำเรื่องนี้ร้องต่อศาลปกครอง เพื่อตีความว่าการกระทำในลักษณะนี้ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หรือไม่

และก่อนที่รัฐบาลจะหลงเพลินเดินหน้าลงนามในข้อผูกพัน ตามที่ข้าราชการบางกลุ่มบางคนพยายามจัดฉากชงเรื่อง

รัฐบาลควรรีบตรวจสอบตัวแทนหน่วยงานที่รับผิดชอบในการเจรจา โดยด่วน... ที่ผ่านมาฝ่ายราชการได้ชี้แจงให้ฝ่ายการเมืองรับรู้ความจริง  ในการเจรจาอย่างหมดจดแล้วหรือยัง

เพราะมีเรื่องสำคัญที่ถูกปกปิดไว้

ส.ส. ส.ว. รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รู้หรือไม่ว่าการทำข้อผูกพันเปิดเสรี ครั้งนี้ ไม่ได้มีผลทำให้แค่คนในชาติอาเซียน 10 ประเทศเท่านั้น ที่ได้สิทธิลงทุนเสรีในประเทศไทย

ชาตินอกอาเซียน แขกอาหรับ ฝรั่งผมแดงก็มีสิทธิเข้ามาฮุบที่ดิน แย่งที่ทำกินคนไทยได้

ไม่เชื่อลองไปดูบันทึกการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ที่กรุงเทพฯ เมื่อสิงหาคมที่ผ่านมาก็ได้

ดูให้ดี ใครกัน ที่ไม่ใช่คนใน ครม.ไปนั่งแทนรัฐมนตรี ดันไปพูดในฐานะตัวแทนประเทศไทย...พูดต่อหน้ารัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เลยว่า...ประเทศไทยจะแก้ไขกฎหมายให้ต่างชาติทุกชาติเข้าลงทุนได้เสรี

นี่แหละผลงานข้าราชการไทยยุคเปลี่ยนผ่าน...พูดไปเจรจาไปหวังแค่ได้หน้า...ชาติฉิบหายก็ช่างมัน.

...