Normal 0 false false false EN-US X-NONE TH MicrosoftInternetExplorer4 นักวิชาการ อัดยับ โครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน รัฐควรต้องจัดลำดับความสำคัญก่อน-หลังโครงการลงทุน วอนถอยมาหารือเพื่อความชัดเจนก่อน ด้าน"ปลอดประสพ"ล่องหน เบี้ยวร่วมงานสัมมนาทั้งที่มีชื่อเข้าร่วมฯวันที่ 27 พ.ค. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย โดยนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย เป็นประธานเปิดการสัมมนา โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน “เรื่องงบน้ำเพื่อชีวิต ขอร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ” โดยมีวิทยากรผู้เข้าร่วมสัมมนา อาทิ นายเจน นำชัยศิริ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายสุวัฒน์ เชาวปรีชา นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต และนายศศินทร์ เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียรขณะที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรีและประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ซึ่งมีรายชื่อเป็นแขกรับเชิญ ไม่ได้เดินทางมาร่วมการสัมมนาที่จัดขึ้นในครั้งนี้นายสุวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมของประเทศไทยให้เป็นไปอย่างยั่งยืน แต่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ ที่เป็นโครงการใหญ่ขนาดใช้เงินลงทุนถึง 3.5 แสนล้าน แต่รัฐบาลกลับเอาเรื่อง เวลาและจำนวนเงินที่ต้องกู้เป็นตัวตั้ง ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วย ที่อ้างเรื่องกรอบเวลา และเงินกู้เป็นตัวตั้งแล้วรัฐบาล ยังอ้างอีกว่า ถ้าสร้างไม่ทันแล้วเกิดน้ำท่วมประเทศกลับมาอีกเหมือนเมื่อปี 2554 ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ก็อย่างจะถามกลับบ้างว่า หากใช้เงินงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท แล้ว กลับแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ได้จริงแล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบแล้วที่บอกว่านี่คือ การบริหารจัดการแก้ปัญหาน้ำท่วมแบบใหม่ จริงหรือไม่ เหตุใดคุณปลอดประสพ ที่รับผิดชอบโครงการน้ำนี้ จึงไปให้ความไว้วางใจบริษัทรับเหมาก่อสร้างมากเกินไป หรือไม่ การทำงานต้องมีการศึกษาความคุ้มค่าของโครงการในด้านต่างๆ แล้วเหตุใด จึงไปมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ได้อย่างไร แล้วตอนนี้ก็ทราบมาว่าเหลือผู้รับเหมาโครงการ เพียงแค่ 2 รายเท่านั้นซึ่งเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ทั้งนี้ หากโครงการไม่เสร็จใครจะรับผิดชอบ นอกจากมีความสุ่มเสี่ยงโครงการไม่เสร็จแล้ว มันอาจจะเริ่มงานก่อสร้างไม่ได้ด้วย เพราะยังไม่ผ่านการฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)ส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าท่านปลอดประสพ มั่นใจได้อย่างไรว่า โครงการบริหารน้ำนี้ จะสามารถทำเสร็จในเวลา 5 ปี ทั้งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำของประเทศทุกคน ยืนยันตรงกันว่า ไม่มีใครสามารถทำเสร็จได้ภายในเวลา 5 ปีแน่ ยิ่งไปมอบความไว้วางใจให้ผู้รับเหมาก่อสร้าง มันก็เหมือนโครงการก่อสร้างโรงพักตำรวจ 398 แห่ง ซึ่งไม่แล้วเสร็จอย่างที่เป็นข่าวที่ทราบกันอยู่ขณะเดียวกัน กรณีที่เปิดให้บริษัทเอกชนผู้รับเหมา ยื่นซองประมูลโครงการ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา ทราบว่าข้อมูลที่บริษัทรับเหมายื่นเข้ามามีปริมาณเป็นรถสิบล้อแล้วขณะที่ นายสุวัฒน์ กล่าวถึงกรณีดีไซด์แอนด์บิวท์ (สร้างไปออกแบบไป)ว่า ผมไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น เพราะเร่งร้อนรวบรัดเกินไป และเมื่อรัฐบาลอ้างถึงกรณีที่จะให้มีการเซ็นสัญญากับเอกชนก่อนแล้วค่อยออกแบบก่อสร้าง หรือ ที่เรียกว่ารัฐต้องการช็อปปิ้งไอเดียของบริษัทเอกชนแล้ว ถามว่า เวลารัฐบาลทำงานรัฐก็ต้องทำงานเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน แต่ถ้าเป็นบริษัทเอกชนผู้รับเหมาทำงาน ก็ต้องทำงานเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทแล้วการทำงานต้องมีหลักเกณฑ์ ถ้าปรากฏว่า มีความจำเป็นต้องทำ ก็ต้องทำ แม้เงินจะเพิ่มเป็น 5 ล้านล้านบาท ถ้าจำเป็นก็ต้องทำ แต่ถ้าไม่ก็ไม่ควรเสียการเชิญบริษัทเข้ามาดีไซด์แอนด์บิวท์แล้วอ้างว่า บริษัทเอกชนเหล่านั้น มีประสบการณ์สามารถทำงานได้แน่นั้น แน่นอนว่าเอกชนรับเหมาก่อสร้าง ก็ต้องคิดเพื่อผลประโยชน์เขาก่อน ไม่เหมือนองค์กรไจก้าของญี่ปุ่น ที่ไม่คิดอย่างนั้น ให้ข้อมูลที่แท้จริง โดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่เบื้องหลังด้านนายศศินทร์ กล่าวว่า อุทกภัยที่ผ่านมาของประเทศไทย ที่ผ่านมาไม่มีใครรับผิดชอบ รัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ หรือ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่มีเวลาเข้ามาดูอย่างเป็นจริงเป็นจัง ก็ใช้เจ้าหน้าที่ระดับล่างมาดู ขณะที่ท่านปลอดประสพ ก็เดินมาถูกทางแล้ว เบื้องต้น น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ที่ผ่านมาเห็นชัด ต่างคนต่างทำ และถูกการเมืองก็แทรกแซง ใครๆ ก็ทราบ แล้วเรามีข้อมูลอย่างไจก้า อยู่แล้ว แล้วก็หาผู้เชี่ยวชาญมาดูแล ประสานก็น่าจะดี อาจเป็นคุณปลอดประสพก็ได้ พองบ 3.5 แสนล้าน มาผลกระทบก็เจอเลย คือ เรื่องเขื่อนแม่วงศ์ ซึ่ง อีไอเอ ยังระบุเลยว่า แก้ปัญหาน้ำท่วมได้เพียงนิดเดียว ข้อมูลเขื่อนแม่วงศ์ แม้แต่เรื่องเสือโคร่งก็ยังให้ไปศึกษา กลายเป็นว่า งานทุกอย่างการอนุมัติ หรือไปตรวจสอบสิ่งแวดล้อม ก็กลายเป็นคุณปลอดประสพ เป็นคนอนุมัติ นี่แค่โครงการเขื่อนแม่วงศ์ หรือแม้แต่เขื่อนเก่งเสือเต้นซึ่งเล็กกว่าโครงการน้ำ 3.5แสนล้านของรัฐบาล ความจริงส่วนตัวผมเอง ก็เห็นด้วยเรื่องทำฟลัดเวย์ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ วันจะเสร็จตามเวลาที่กำหนดหรือไม่ขณะที่ อ.ศศินทร์ กล่าวต่อว่า แผนเร่งด่วน คือการรักษาพื้นที่หลักประเทศ ด้วยการผันน้ำ แล้วยืนยันได้ว่า ที่ผ่านมาอย่างพื้นที่ นครชัยศรี ลุ่มน้ำท่าจีน ที่มีการสร้างแนวกำแพงกั้นน้ำ ก็ไม่มีการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ หากสร้างแนวกำแพงเสร็จก็จะมีฝั่งหนึ่งน้ำท่วม และอีกฝั่งน้ำไม่ท่วม คุณปลอดประสพเมื่อ 10 ปีก่อน เป็นคนค้านสร้างเขื่อนแม่วงศ์ แล้วผ่านมา 10 ปี ท่านกลับมาเป็นคนบอกว่าต้องสร้างเขื่อนแม่วงศ์เพื่อป้องกันน้ำท่วมแล้ว นักการเมืองในพื้นที่ก็ยอมรับกันแล้วว่า กันน้ำท่วมไม่ได้ แต่มีประโยชน์เรื่องภัยแล้ง ก็คนละเรื่องครับผมติดใจเรื่องเซ็นสัญญากับบริษัทรับเหมาไปก่อนแล้วมาออกแบบ ขนาดสร้างบ้านยังต้องขอดูแบบก่อนว่าทำอะไร อย่างไรบ้าง พอเลือกแบบแก้แบบแล้วชอบใจ จึงมาเรียกเซ็นสัญญา แต่พอบอกว่าเซ็นสัญญาก่อนมันก็เลยแปลก และเป็นห่วงตรงนี้ ถ้าบอกว่าเซ็นก่อนแล้วแก้สัญญาได้ ถ้าเช่นนั้นขอถามว่ามันจะไม่ส่งผล?