รัฐที่ล้มเหลว หรือ Failed State หมายถึงประเทศที่เกิด "อนาธิปไตย"  มีแต่ความวุ่นวาย ไร้ระเบียบ  รัฐบาลปกครองประเทศตามตัวบทกฎหมายไม่ได้ ไม่สามารถรักษาความสงบสุขให้เกิดขึ้นในประเทศได้ ทำให้ประชาชนหันใช้ความรุนแรงกันเอง แย่งชิงอำนาจรัฐ แย่งชิงความเป็นใหญ่

คนไทยอาจไม่ค่อยได้ยินคำว่า "รัฐที่ล้มเหลว" แต่รัฐที่ล้มเหลวกำลังมีเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา คร่าชีวิตผู้คนและทรัพย์สินไปไม่รู้เท่าไร

ผมหวังว่า ประเทศไทย จะไม่กลายเป็น รัฐที่ล้มเหลว ในอนาคต

การ วัดความล้มเหลว ของ รัฐที่ล้มเหลว หรือ ประเทศที่ล้มเหลว เดิมวัดด้วยจำนวนชีวิตประชาชนที่ล้มตาย ซึ่งเกิดจากการจลาจลและสงครามกลางเมือง เช่น ในประเทศซูดาน และโซมาเลีย เป็นต้น

แต่ล่าสุด มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ ที่สุดของอังกฤษ ได้เปลี่ยนวิธีการวัดใหม่จากชีวิตคนมาเป็น "ต้นทุน ทางการเงิน" ที่ต้องสูญเสียไปจากความล้มเหลวของรัฐบาลที่เกิดขึ้น

อย่างเช่นกรณีประเทศซูดาน และโซมาเลีย

มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ (ไม่รวมชีวิตประชาชนที่ล้มตาย) คิดเป็นมูลค่าตกประมาณ 270,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี หรือประมาณ 9.18 ล้านล้านบาทต่อปี เป็นตัวเลขที่ครอบคลุมถึงรายได้ที่ต้องขาดหายไป เพราะไปทำงานไม่ได้ ประกอบอาชีพไม่ได้ ไปจนถึงปัญหาความล้มเหลวของระบบเศรษฐกิจไม่เกิดการหมุนเวียนต่อเนื่อง

ถือเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่สูงมาก เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจของประเทศที่ยากจนมากอย่างซูดานและโซมาเลีย

ตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึง   ผลกระทบทางเศรษฐกิจ   ที่ต่อเนื่องไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน  ที่มีชายแดนติดกัน  ซึ่งเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจตามมาด้วย

ตัวอย่างที่เห็นชัดๆก็คือ การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ของกลุ่มพันธมิตรฯ แม้จะเป็นการปิดสนามบินในประเทศไทย แต่ไปทำให้นักท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชาหายไปด้วย 80-90 เปอร์เซ็นต์ คนกัมพูชาเดือดร้อนเสียหายไปด้วย เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวกัมพูชาต้องผ่านประเทศไทย

ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง  เพราะเริ่มรู้สึกเป็นห่วงประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็น  วิธีแก้ปัญหาแบบเด็กๆ ของ รัฐบาล นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในหลายเรื่อง เรื่องล่าสุดก็คือ "โครงการไทยสามัคคีไทยเข้มแข็ง" โดยให้แต่ละจังหวัดระดมข้าราชการ  ประชาชนมาเข้าแถวร้องเพลงชาติในเวลา 18.00 น.ทุกวัน เป็นเวลา 76 วัน

นอกจากจะไม่ช่วยให้ไทยสามัคคีไทยเข้มแข็งแล้ว ยังเพิ่มภาระและทำให้คนเบื่อหน่ายอีกด้วย เพราะปกติข้าราชการก็เลิกงานเวลา 16.30 น. บริษัททั่วไปก็เลิกงานเวลา 17.00-17.30 น. ต้องมานั่งรอร้องเพลงชาติในเวลา 18.00 น. ตามนโยบายของนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่รู้คิดออกมาได้อย่างไรเรื่องที่ไม่ลอจิกอย่างนี้

ถ้าเป็นทุก 8 โมงเช้า ร้องเพลงชาติกันทั่วประเทศ ก็ว่าไปอีกอย่าง เพราะปกติทุกโรงเรียนทั่วประเทศก็ร้องเพลงชาติกันเวลา 8 โมงเช้าอยู่แล้ว ไปทำให้ คนทั้งประเทศต้องลำบากในตอนเย็นอีกทำไมไม่ทราบ หรือมีเวลาว่างมากไป

ยิ่งวิธีรับมือการชุมนุมของ กลุ่มคนเสื้อแดง ยิ่งน่าเป็นห่วง คนเสื้อแดงชุมนุมที รัฐบาลก็ประกาศภาวะฉุกเฉินที เอาทหาร  เอาลวดหนามไปล้อมทำเนียบเหมือนมีสงคราม ตอนนี้คนเสื้อแดงชุมนุมเดือนละหน รัฐบาลก็ประกาศภาวะฉุกเฉินเดือนละหน เอาทหาร เอาลวดหนามล้อมทำเนียบเดือนละหน ถ้าคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมทุกอาทิตย์ รัฐบาลมิต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทุกอาทิตย์  เอาทหาร  เอาลวดหนามล้อมทำเนียบ ทุกอาทิตย์อย่างนั้นหรือ

แล้วภาพที่ออกไปทั่วโลก ประเทศไทยจะเหลืออะไร ลองคิดกันดู

ทุกวันนี้ภาครัฐที่ออกไปโรดโชว์ ไม่ว่า บีโอไอ หรือตลาด หลักทรัพย์ เจอนักลงทุนต่างชาติถามคำเดียว รัฐบาลนายกฯมาร์คจะอยู่ไปอีกนานเท่าไร ทุกคนก็มองตากันเลิ่กลั่กไม่มีใครตอบได้ แล้วใครจะมาลงทุนในประเทศไทย.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

...