คนไทยผู้รักความสงบคงจะโล่งอกไปตามๆกัน เมื่อการชุมนุมใหญ่ของแนว ร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่กรุงเทพฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และยุติลงตั้งแต่คืนวันเสาร์ ตามคำสัญญาของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แต่คงจะมีคนไทยไม่ ใช่น้อยที่ต้องสลดใจ เมื่อการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเหลือง เพื่อทวงคืนเขาพระวิหาร ทำให้ คนไทยต้องตีกันเอง ได้รับบาดเจ็บกว่า 20 คน
การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง เพื่อทวงคืนดินแดนพิพาทติดปรา-สาทพระวิหาร โดยมีนายวีระ สมความคิด เป็นผู้นำ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ไม่ใช่ "การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ" เมื่อเกิดการปะทะกันระหว่างชาวบ้านในพื้นที่กับกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่ไปจากต่างถิ่น และทั้งสองฝ่ายมีความเห็นกรณีเขาพระวิหารที่ต่างกัน
การชุมนุมที่ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ครั้งนี้ ทั้ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสุริยะใส กตะศิลา ต่างยืนยันว่า 5 แกนนำ พธม.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวที่มีนายวีระเป็นผู้นำ อย่างไรก็ตาม มีการปลุก ระดมมานานพอสมควร เพื่อให้เชื่อว่าประเทศไทย ได้เสียดินแดน 4.6 ตร.กม. ติดกับเขาพระวิหาร ให้แก่กัมพูชา และเรียกร้องประชาชนให้ร่วมชุมนุมเพื่อทวงดินแดนคืน
เป็นการชุมนุมที่มีเสียงคัดค้าน ทั้งจากนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษถึงกับไหว้ วิงวอนทุกฝ่าย ให้เคลื่อนไหวอย่างสงบ ขณะที่ทหารในพื้นที่ยืนยันผ่านสื่อมวลชนว่า ไทยไม่ได้เสียดินแดนใดๆ ส่วนนายกรัฐมนตรีขอให้ไว้ใจรัฐบาล และยืนยันที่จะปกป้องดินแดนและประโยชน์ของชาติ ด้วยการเจรจา
ไม่ทราบว่าคิดได้อย่างไร? ในการนำประชาชนเพียงไม่กี่พันคน บุกเข้าไปขับไล่ทหารและชาวกัมพูชา ออกจากพื้นที่พิพาท เป็นการเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงต่อการนำไปสู่ความรุนแรง เพราะแม้แต่ชาวบ้านที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ต่อต้าน ไม่ต้องการให้คนต่างถิ่นไปก่อความวุ่นวาย ส่วนทหารกัมพูชาก็เตรียมพร้อมที่จะรับมืออยู่แล้ว ถ้ามีคนไทยบุกเข้าไป
ทั้งรัฐบาลและกองทัพ ต่างยืนยันมาโดยตลอดว่า พื้นที่ 4.6 ตร.กม. เป็นพื้นที่พิพาท ทั้งสองประเทศต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของ และทหารทั้งสองฝ่ายต่างก็ยังตรึงกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ในระหว่างที่จะมีการเจรจาซึ่งกันและกัน แต่บางคนอ้างว่า การเจรจาเป็นกระบวนการที่ล่าช้า และเสียเวลา ซึ่งก็ถูกต้อง เพราะดินแดนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องชาตินิยม การเจรจาจึงต้องใช้เวลา
ไทยกับกัมพูชาไม่ใช่เพิ่งจะมีพิพาทดินแดนแค่ในปัจจุบัน แต่มีมานานนับร้อยๆปี กรณีเขาพระวิหาร ศาลโลกเพิ่งจะชี้ขาดให้เป็นของกัมพูชา เมื่อปี 2505 หรือ 47 ปีมาแล้ว แต่พื้นที่รอบปราสาทพระวิหารก็ยังพิพาทกันอยู่ และทุกฝ่ายต่างยอมรับว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา คือการเจรจา ไม่ใช่การสู้รบ จึงไม่ควรจะทำการสุ่มเสี่ยงให้ เกิดสงคราม ซึ่งเป็นผลเสียต่อทุกฝ่าย.
...