"เรืองไกร" เล่นแรงยื่นผู้ตรวจฯส่งศาลปกครองสูงสุดฟันตุลาการศาลรธน.ยกคณะ อ้าง "ชัช ชลวร" ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง แต่ขึ้นนั่งประธานตั้ง "วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์" เป็นประธานศาล รธน.
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา กล่าวว่าเตรียมยื่นเรื่องถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการกระทำของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือปฏิบัตินอกเหนืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย กรณีการกระทำของนายชัช ชลวร ในฐานะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ที่ไปทำหน้าที่ประธานที่ประชุมแล้วเลือกนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งนี้ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 748/2555 สรุปข้อเท็จจริงได้ว่า นายชัช ได้พ้นตำแหน่งด้วยการลาออกตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.2554 จึงไม่อาจเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้อีก เพราะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 208 แต่คณะตุลาการฯอีก 8 คน กลับยอมให้นายชัชเข้าเป็นตุลาการฯได้ต่อไป ทั้งที่ไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ดังนั้นการจะรอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญฟ้องร้องกันเองคงเป็นไปได้ยาก ประกอบกับรัฐธรรมนูญมาตรา 245 (2) กำหนดให้ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถเสนอเรื่องต่อศาลปกครองได้ ตามความใน พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง มาตรา 43 ประกอบมาตรา 49
นายเรืองไกร กล่าวว่า จึงควรเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะเสนอเรื่องพร้อมความเห็นไป ยังศาลปกครอง ให้พิจารณาหรือมีคำสั่งเพิกถอนการกระทำของนายชัช ในฐานะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกทั้งหมดนับตั้งแต่วันที่ได้ลาออก และเพิกถอนผลการกระทำของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ประชุมเลือกนายวสันต์ เป็นประธานฯ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2554 เพราะผลการประชุมดังกล่าวย่อมไม่ชอบ ตกเป็นโมฆะ เพราะเป็นการประชุมโดยที่มีบุคคลที่ไม่ใช่คณะตุลาการฯรวมอยู่ด้วย จากความในพระบรมราชโองการที่ประกาศเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2554 ไม่ได้มีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้นายชัช เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด มีเพียงการโปรดเกล้าฯให้พ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้นจึงมี ประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า การที่นายชัช ยังทำหน้าที่เป็นตุลาการฯอยู่ ซึ่งปรากฏหลักฐานชัดเจนในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 18-22/2555 เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2555 ภายใต้การรับรู้และยินยอมของประธานฯและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอื่น จึงอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 วรรคหนึ่ง และอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ดังนั้นการแสดงตนเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญของนายชัช จึงอาจเข้าข่ายการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยพิจารณากรณีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินมาก่อนแล้ว ซึ่งมีความคล้ายคลึงกัน จึงขอให้พิจารณาและเสนอเรื่องพร้อมความเห็นส่งให้ศาลปกครองพิจารณาวินิจฉัย หรือมีคำสั่งต่อไป โดยขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเป็นกรณีฉุกเฉิน ให้นายชัชและนายวสันต์ หยุดการทำหน้าที่ไว้ก่อน จนกว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ทั้งนี้เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะเป็นการทำหน้าที่ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ จึงยากที่จะเยียวยาแก้ไขในภายหลัง
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อประธานรัฐสภาอีกทางหนึ่ง ขอให้ตรวจสอบคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 9 คน ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่จากการร่วมประชุมพิจารณารับคำร้องที่มี ลักษณะก้าวล่วงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ เกินกว่าที่กฎหมายและรัฐธรรมนูญกำหนด เสมือนเป็นการตีความรัฐธรรมนูญหรือบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษรขึ้นมาเองโดยพลการ เป็นการสร้างอำนาจโดยวิถีทางที่ไม่ได้มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำที่ส่อไปในทางแสดงตนเหนือรัฐธรรมนูญ โดยปกปิดวิธีดำเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย เข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน จากกรณีมีองค์คณะที่ไม่ชอบดังกล่าวข้างต้น บุคคลชาวไทยที่จงรักภักดี ย่อมต้องใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญต่อต้านโดยสันติวิธีต่อคณะตุลาการศาล รัฐธรรมนูญชุดนี้ได้ และสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพสักการะของชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้ด้วย
นายเรืองไกรกล่าวว่า การมีคำวินิจฉัยหรือมีคำสั่งแต่ละครั้ง ถ้ามีนายชัช หรือนายวสันต์ รวมอยู่ด้วย ย่อมถือว่ามีการหมิ่นสถาบันเป็นครั้งๆ ไป เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกันตามประมวลกฎหมายอาญา จึงควรต้องพิจารณาเป็นรายกระทงความผิด อีกทั้งควรพิจารณาด้วยว่า การกระทำดังกล่าวเกิดจากการจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องของผู้ที่มีความรู้ทางกฎหมายเสียเอง เป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา จึงไม่มีเหตุที่จะให้อภัยได้ จึงขอให้ประธานรัฐสภาทำการตรวจสอบ โดยการเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้พิจารณาเป็นญัตติเร่งด่วนต่อไป หากที่ประชุมโดยเสียงข้างมากมีมติว่า การกระทำของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ขอให้สั่งการให้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป และถ้าหากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่โดยไม่ชอบ การรับคำสั่งใดๆ จากคณะตุลาการชุดนี้ ย่อมเป็นการสนับสนุนให้มีการกระทำความผิดด้วยหรือไม่
...