นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.ภูมิใจไทย จวก กู้ 2 ล้านล้าน หาเงินจากไหนมาใช้หนี้ แถมไร้ราคากลางส่อถึงความไม่โปร่งใส พร้อมแนะ ทำประชามติหาทางออก...
วันนี้ (28 มี.ค.56) เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายไชยา พรหมมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของประเทศ แบบก้าวกระโดดในอีก 7 ปีข้างหน้า วงเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่หลายภาคส่วนมีความห่วงใยการรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศนั้น จะมองหนี้สาธารณะอย่างเดียวนั้นไม่ได้ แต่เหตุผลนั้น มีเป้าหมายและยุทธศาสตร์ชัดเจน ที่จะสร้างขีดความสามารถของประเทศ ลดค่าใช้จ่ายในโลจิสติกส์ที่ปัจจุบันมีต้นทุนสูงกว่า 15% ของจีดีพี
ซึ่งหากเราไม่มีโครงสร้างพื้นฐานนั้น เราจะเป็นภาระของอาเซียน ทั้งที่เราต้องทำตัวเป็นศูนย์กลางอาเซียน ต้องเป็นเกตเวย์ของภูมิภาคนี้ด้วย การเป็นเปิดประตูการค้า รวมทั้งเราต้องมียุทธศาสตร์เชื่อมฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ซึ่งเป็นโอกาสของประเทศ ที่จะทำให้ประเทศเราเป็นตัวเชื่อมของภูมิภาคนี้ ไปสู่การแข่งขันธุรกิจการค้า
สำหรับหนี้สาธารณะนั้น อย่าไปกลัว เพราะหนี้จะเป็นตัวชี้วัดตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จะมีผลต่อจีดีพี ของประเทศ อีกทั้งทำให้เกิดโครงการขนาดใหญ่ มีการจ้างแรงงานเงินหมุนในระบบจึงอย่าเป็นห่วงว่าเป็นหนี้ ขณะเดียวกันไทยอยู่ในลำดับที่ 7 ของโลก ในการมีหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เช่นเดียวกันกับสิงคโปร์ ที่มีสัดส่วนหนี้สาธารณะร้อยละ 118 ต่อจีดีพี ซึ่งประเทศเหล่านี้ที่มีหนี้สาธารณะโต นั้นเป็นภาระจริง แต่มีเงินลงหมุนเวียนในระบบ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลตัดสินใจใช้เงิน 2 ล้านล้านบาท เดินมาถูกทางแล้วและรัฐต้องกล้าหาญที่จะชี้แจงต่อประชาชน ขณะที่สภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา ก็สามารถตรวจสอบได้
จากนั้น นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่าสิ่งที่ตนไม่เห็นด้วยคือ 1. ตนเห็นว่ารัฐบาลบริหารประเทศที่ขอกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เป็นการกระทำขัดแย้งกับนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 23 ส.ค.54 ที่ยึดแนวเศรษฐกิจพอเพียง ว่าจะบริหารประเทศยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลทำสวนทาง ตนยืนยันไม่ค้านความเจริญ อยากเห็นประเทศก้าวหน้า แต่วันนี้การกู้ 2 ล้านล้านบาทไม่ใช่แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่เป็นแนวทางที่เรียกว่า “เห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง” การพัฒนาประเทศต้องใช้งบประมาณประจำปีตนก็สนับสนุน และต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งตนเชื่อว่านโยบายนี้ “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์กู้ รมว.คมนาคมใช้เงิน ประชาชนใช้หนี้”
และในกฎหมาย 19 มาตรา ตนได้อ่านละเอียดแล้วไม่มีตรงไหน บอกว่ากระทรวงการคลัง จะเอารายได้จากไหนใช้คืนหนี้ ที่การกู้เงินครั้งนี้ เงินต้นและดอกเบี้ยกว่า 5.16 ล้านล้านบาท จะเอามาจากไหน เพราะถ้าไม่ชัดเจนเรื่องรายได้ ก็หมายความว่าในวันข้างหน้า จะมีการรีดภาษีจากคนไทย หรือการขยายฐานภาษีเพื่อหาเงินมาใช้หนี้
“ผมไม่เชื่อในความสามารถของ รมว.คมนาคม จะบริหารโครงการนี้ให้สำเร็จได้ เนื่องจากการบริหารของรัฐบาลที่ผ่านมา ยังไม่แก้ไขปัญหาในการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และองค์การการขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) ที่เจ๊งทั้งหมด ก็ยังไม่แก้ไข หากการสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้วก็ให้ รฟท.ดูแลอีก ก็จะเจ๊งแน่นอน
นอกจากนี้ การขอกู้เงินทำผิดรัฐธรรมนูญ หมวด 8 เรื่องการเงินการคลังและงบประมาณ ในมาตรา 166,169,170 การเสนอขอกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มี 3 ยุทธศาสตร์แต่กลับไม่มีรายละเอียด ไม่มีราคากลาง ทำให้ส่อไปในทางที่ไม่โปร่งใส รัฐบาลทำโครงการเป็นแสนล้าน ไม่มีปริมาณโครงการ ราคากลางไม่มี ก็จะนำไปสู่ให้ผู้รับเหมาเขียนราคากลางให้ เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าท่านยังไม่พร้อม ผมเรียกร้อง ท่านนายกฯ ให้ถอนร่างออกไปและขอไปทำประชามติไปสอบถามประชาชนก่อน” นายบุญจง กล่าว.
...