หนึ่งเสียงจากแดนเสี่ยง...พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ประดิษฐพงษ์ ตชด.หญิง ผู้ปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน ปิดล้อม ตรวจค้นและทำงานมวลชนใน 3 จ.ชายแดนใต้มากว่า 7 ปี ...
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่สงบนิ่งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย และแม้จะใกล้วันที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ เตรียมนำคณะผู้แทน 15 คนเข้าร่วมพูดคุยกับตัวแทนจากกลุ่ม BRN เพื่อปูทางในการนำไปสู่หนทางแห่งความสงบในพื้นที่ภาคใต้ ก็ยังมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอีกหลายท่าน ที่ยังคงต้องทำหน้าที่ของตนเองอยู่ต่อไปท่ามกลางอันตราย ที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้จริงๆ ว่า อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่???
ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสได้พูดคุยกับนายตำรวจหญิงท่านหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงในโลกออนไลน์อย่างมาก โดยเฉพาะการให้กำลังใจ และชื่นชมในฐานะตำรวจหญิงที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัย 3 จ.ชายแดนภาคใต้ ซึ่งยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่เพียงแค่งานมวลชนอย่างที่ใครหลายคนคิด แต่มันเป็นการทำหน้าที่ปฏิบัติการลาดตระเวนร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งปิดล้อม ตรวจค้น ตั้งด่านจุดตรวจ และทั้งกลางวัน กลางคืน จนอดไม่ได้ที่ต้องทำความรู้จักในฐานะข้าราชการตำรวจหญิงที่มีใจเต็มร้อยในการทำงานเพื่อประเทศชาติอีก 1 คน พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ประดิษฐพงษ์ ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 41 สังกัด กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 (บก.ตชด.ภาค4)

...

พ.ต.ท.หญิง กฤตยา หรือ พี่อุ้ย ของน้องๆ ผู้ใต้บังคับบัญชา เปิดฉากพูดคุยกับไทยรัฐออนไลน์ผ่านทางโทรศัพท์ ด้วยน้ำเสียงที่แทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือตำรวจตระเวนชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ปิดล้อมตรวจค้น เฉกเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ชายคนอื่นๆ ด้วยน้ำเสียงที่สดใส ปนเขินอาย คุณอุ้ย เริ่มเล่าประวัติชีวิตข้าราชการตำรวจอย่างคร่าวๆ ของตนเอง ท่ามกลางเสียงปืนของหน่วยที่ฝึกซ้อมอยู่ไม่ไกล ดังมาเป็นระยะ โดยเธอเอ่ยปากเล่าอย่างไม่มีสัญญาณบ่งบอกถึงความลังเลในการใช้ชีวิตประจำวันบนความเสี่ยงว่า
แรกเริ่มนั้น เข้าประจำการที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนที่กรุงเทพมหานคร กระทั่งต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2546 ผู้บังคับบัญชาต้องมาประจำการในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งก็ได้ทำเรื่องขอตัวให้เธอมาช่วยงานต่อด้วย ซ้ำขณะนั้นเป็นช่วงที่เพิ่งเกิดเรื่องกรณี ตากใบ และกรือเซะ ไปไม่นาน สถานการณ์เพิ่งเริ่มทวีความรุนแรงมีการยิงปะทะ เข่นฆ่ากันบ่อยครั้ง แต่เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ กับการต้องลงมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้มาทำงานเอกสาร หรืองานมวลชน พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงปนยิ้มว่า ไม่ได้หวาดกลัว หรือหวั่นใจอะไรเพราะถือว่าเป็นงานในหน้าที่ เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และรอบคอบ ระมัดระวังอยู่เสมอ หากว่าจะต้องเจออะไรก็คงต้องเจอ ซึ่งไม่ได้คิดมากหรือกังวลใจอะไรขนาดนั้น
ภารกิจหน้าที่ในปัจจุบัน พ.ต.ท.หญิง กฤตยา เล่าว่าทุกวันนี้เป็นการลงไปตรวจการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ในจุดต่างๆ พร้อมกับครูฝึก ซึ่งก็ดีเพราะถือว่าเราจะได้ทราบถึงรายละเอียด ข้อบกพร่องในจุดต่างๆ จากปาก จากสถานการณ์จริงของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ในสนามจริงๆ โดยงานออกตรวจลักษณะนี้จะมีทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งการใช้รถลาดตระเวน การเดินตรวจ ก็มีหมด


เมื่อถามว่าตั้งแต่ปฏิบัติหน้าที่มานานนับปีเช่นนี้ มีโอกาสใกล้ชิดกับเหตุการณ์ไหน หรือต้องอยู่ในการเผชิญหน้าบ้างหรือยัง เธอกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะเล็กน้อยว่า ยังไม่เคยเลย ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ระเบิด หรือการยิงปะทะ อาจจะเพราะด้วยว่าการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมา มีโอกาสหมุนเวียนลงมาทำงาน โดยมีบางช่วงที่ต้องไปประจำที่ จ.ชุมพร และถึงกลับมาที่ จ.ยะลา ซึ่งไม่ได้อยู่ต่อเนื่องตลอด ช่วงที่เดินทางไปกลับ ก็ทำงานมวลชนไปด้วย แต่สำหรับงานลาดตระเวนนั้นเพิ่งมีโอกาสทำงานต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
พ.ต.ท.หญิง กฤตยา เล่าต่อว่าความจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงที่ทำงานในพื้นที่ ไม่ได้มีเพียงแต่เธอคนเดียว เฉพาะในทีมเธอเองก็มีรุ่นน้องอีก 1 คนที่ทำงานร่วมกันมาตลอด คือ ร.ต.อ.หญิง นิพา รัพยูร ส่วนการลงพื้นที่ปฏิบัติงานนั้นจะลงพร้อมผู้ใต้บังคับบัญชาในทีม 12 คน หากมีสถานการณ์ต้องปิดล้อม ตรวจค้น ก็จะลงพร้อมกับทีมปฏิบัติงานในจังหวัดนั้นๆ ซึ่งแม้ขณะนี้จะประจำการที่ฐานใน จ.ยะลา แต่เวลาปฏิบัติงานก็ต้องไปหมดทั้ง 3 จังหวัด
ที่ผ่านมาหลายคนสงสัยและถามเธอว่าตื่นเต้นหรือไม่ในการลงพื้นที่แต่ละครั้งที่ผ่านมา พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ยังตอบพร้อมน้ำเสียงอารมณ์ดี ปนรอยยิ้มตามแบบฉบับตั้งแต่เริ่มคุยว่า ไม่ตื่นเต้น แต่คิดเสมอว่าต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะไม่ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นตอนไหน เคยคิดเหมือนกันว่าชีวิตอยู่ในความเสี่ยง แต่ก็ขอเพียงอย่างเดียวว่าหากจะเกิดอะไรขึ้นขออย่าให้ต้องเจ็บหนัก หากจะรอดก็รอดไปเลย หรือถ้าไม่รอดก็ตายไปเลยดีกว่า...

พูดคุยกันไปไม่นาน ก็ถึงจังหวะเวลาที่ต้องก้าวล่วงเข้าไปในชีวิตส่วนตัวบ้าง ไทยรัฐออนไลน์เอ่ยปากถามเรื่องครอบครัว..!! พ.ต.ท.หญิงกฤตยา หรือ คุณอุ้ย กล่าวตอบมาอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่ต้องรอให้ถามคำถามจบ ด้วยน้ำเสียงปนยิ้มเช่นเดิม ซึ่งเหมือนจะยืนยันในสิ่งที่จะตอบอย่างหนักแน่นว่า …ทุกวันนี้ครอบครัวมีแต่คุณแม่เท่านั้น ความริงแล้วพี่น้องก็มี แต่ต่างคนก็แยกย้ายไปมีครอบครัวกันหมดแล้ว ซึ่งตอนที่ลงมาทำงานที่ จ.ยะลา นี่ คุณแม่ก็ไม่ทราบเรื่องเลย ท่านเคยทราบครั้งเดียวเมื่อครั้งที่ย้ายมาทำงานครั้งแรกจากกรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ.2546 เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง ช่วงนั้นเลยบอกคุณแม่ว่าทำงานอยู่ที่ จ.สงขลา แต่มาถึงทุกวันนี้คิดว่าท่านคงทราบแล้วว่าทำงานที่ จ.ยะลา เพราะอาจจะมีคนไปบอกแล้ว ที่ทราบเพราะเห็นคุณแม่เงียบๆ ไปพักหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นไปได้ว่าท่านอาจจะงอนอยู่...
ไทยรัฐออนไลน์ได้โอกาสถามต่อในทันทีว่า ถ้าอย่างนั้นหากวันหนึ่งคุณแม่ขอร้องให้กลับ กทม. จะทำอย่างไร คุณอุ้ยตอบทันทีว่าต้องอธิบายกัน เพราะที่ผ่านมาท่านเคยขอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อครั้งที่ย้ายมาครั้งแรก ท่านขอให้ลงมาแค่ปีเดียว แต่ก็ไม่ได้ทำตามที่ขอ เพราะอยู่ยาวมาจนถึงทุกวันนี้
ส่วนเรื่องคนใกล้ชิดนอกเหนือจากนี้นั้น คุณอุ้ย ตอบชัดเจนว่า ยังไม่มี


ไทยรัฐออนไลน์ยืนยันอีกครั้งว่า การพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงท่านนี้เป็นไปด้วยท่าทีที่เป็นกันเอง และได้รับการตอบกลับอย่างอารมณ์ดีแทบทุกถ้อยคำที่พูดออกจากปาก พ.ต.ท.หญิง กฤตยา นั้นคงเป็นเครื่องยืนยันได้ถึงกำลังใจที่ยังเต็มร้อยของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ยังทำงานภายใต้ความหวังว่าวันหนึ่ง พื้นที่ที่เธอปฏิบัติงานเหล่านี้จะกลับเป็นพื้นที่สงบสุขของประเทศไทยอีกครั้ง แม้การพูดคุยกันครั้งนี้ จะเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ไม่ลงลึกไปถึงรายละเอียดต่างๆ แต่เชื่อว่าถ้อยคำที่ถูกถ่ายทอดออกมาจาก ตชด.หญิงคนนี้ คงทำให้คนไทยอีกหลายคนอุ่นใจ และพร้อมเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ต่อไป
ส่วนประโยคทิ้งท้ายนั้น เธอให้ไว้กับเราว่า
"เชื่ออย่างหนึ่งว่าเรามาทำงานด้วยจิตใจที่ดี ไม่มุ่งร้าย ขอให้ความดีปกป้องคุ้มครอง...."
แม้ว่านี่จะเป็นการพูดคุยที่ใช้เวลาไม่นาน และนี่อาจเป็นเพียง 1 เสียงจากแดนเสี่ยง แต่ไทยรัฐออนไลน์เชื่อว่า คนไทยอีกหลายล้านคน ยังคงระลึกอยู่ในใจเสมอว่า ในยามที่ประชาชนต้องการการปกป้องคุ้มครอง ก็จะยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อีกมากมายหลายคน ที่พร้อมปฏิบัติงานด้วยใจที่เสียสละ และเกินร้อยอยู่เสมอ หวังก็แต่เพียง...ความสงบสุขจะกลับมาสู่พื้นที่เหล่านั้นโดยเร็วเท่านั้นเอง.
ประวัติส่วนตัว
พ.ต.ท.หญิง กฤตยา ประดิษฐพงษ์
สถานที่เกิด กรุงเทพมหานคร
บิดา นายศิริ ประดิษฐพงษ์ (ถึงแก่กรรม)
มารดา นางส่องศรี ประดิษฐพงษ์
ข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทย
มีน้องชาย ร่วมบิดามารดา ๒ คน
น้องสาวต่างมารดา ๑ คน
น้องสาวบุญธรรม ๑ คน
ประวัติการศึกษา
๑.พยาบาลศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ สถาบันสมทบในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๒.รัฐประศาสนศาสตรบัญฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
๓.ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ประวัติการฝึกอบรม
๑.กระโดดร่มใหม่ และกระโดดร่มแบบกระตุกเอง กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
๒.หลักสูตรระเบียบการนำหน่วยและนักแม่นปืนพกสั้น หน่วยรบพิเศษ กองทัพบกสหรัฐอเมริการ่วมกับ D.E.A และกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค ๔
๓.การเจรจาต่อรอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
๔.หลักสูตร Intensive Language Course กระทรวงการต่างประเทศ
๕.หลักสูตรเตรียมความพร้อมเพื่อเข้ารับการสอบคัดเลือกเข้าปฏิบัติหน้าที่รักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติ กระทรวงต่างประเทศร่วมกับกองการต่างประเทศ สตช.
๖.หลักสูตรปฏิบัติการจิตวิทยาฝ่ายอำนวยการ รุ่นที่ ๑๑๑ สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง สถาบันสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย
๗.หลักสูตรผู้บังคับบัญชาลูกเสือขั้นสูง (A.T.C.)
๘.หลักสูตรนักผจญเพลิง บริษัท ซีพี ออล จำกัด มหาชน
ประวัติการรับราชการ
๑.พยาบาล (สบ๑) ประจำหอผู้ป่วยศัลยกรรมตกแต่งและไฟไหม้น้ำร้อนลวก โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานแพทย์ใหญ่
๒.รองสารวัตร ปฏิบัติงานโครงการตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี กองกำกับการ ๕ กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
๓.ผู้ช่วยนายเวร ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และนายเวรผู้บังคับการสนับสนุน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
๔.เมื่อ ๑ ต.ค.๒๕๔๖ มาดำรงตำแหน่งนายเวรผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค ๔และรองผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๓๑ ตามลำดับ
๕.เมื่อ พฤศจิกายน ๒๕๔๗ ได้รับการแต่งตั้งเป็น สารวัตรแผนก๕ และ ผู้บังคับกองร้อย กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๑ จนถึงปัจจุบัน
หน้าที่ได้รับมอบหมายพิเศษ
๑.ผู้ประสานงานโครงการตามพระราชดำริ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภาคภาษาอังกฤษ เพื่อรับพระราชอาคันตุกะจากต่างประเทศ
๒.ผู้ประสานงานตามแนวชายแดนพม่า ภาคภาษาอังกฤษ
๓.อาจารย์ที่ปรึกษา โครงการค่ายภาษาอังกฤษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน
๔.หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๔๑ (ช่วยเหลือผู้ประสบภัย) -ควบคุมชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย (Rescue)
ในอุทกภัยและภัยธรรมชาติอื่นๆในพื้นที่ภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร
๕.รองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการคุมกำลังพลช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ ปี ๒๕๔๗ ที่จังหวัดระนองและพังงา
การปฏิบัติราชการพิเศษ
- ผ่านการทดสอบเข้าปฏิบัติหน้าที่ตำรวจองค์การสหประชาชาติ รักษาสันติภาพในประเทศติมอร์ เลสเต้ เมื่อ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๓-๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔
ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยอารักขาบุคคลสำคัญ (Close Security Protection Unit) ได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ดังนี้
๑.Mr. Xavier Amaral ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศติมอร์ เลสเต้
๒.Dr. Lucia Lobato รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในประเทศติมอร์ เลสเต้
๓.ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยให้กับอัยการนานาชาติ (International Prosecutors) ขององค์การสหประชาชาติ จำนวน ๖ ราย