ผบ.ทบ.รอฟังรัฐบาลประกาศ พรบ.มั่นคง ชี้ อนาคตอาจเจอปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ขณะ กอ.รมน. ขานรับ ทหารเตรียม 33 กองร้อยรับมือแดงบุกบ้าน "ป๋าเปรม" ...

วันนี้ (13 ก.ย.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือการชุมนุนมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 19 ก.ย. ว่า ขณะนี้เมื่อมีการเปลี่ยนตัว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาอย่างไร แต่แผนการปฏิบัติการน่าจะเป็นแผนเดิม ขึ้นอยู่กับว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการแค่ไหน อย่างไร ก็ต้องดูนโยบาย ผบ.ตร.คนใหม่ ทางทหาร เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานอย่างเดียว แต่ถ้ารัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ก็มาว่ากันอีกที

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ในช่วงวันที่ 20-26 ก.ย. อาจจะมีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าคงจะรู้ขณะนี้ยังไม่รู้ เนื่องจากจุดชุมนุมไม่ใช่ที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ไปชุมนุมที่บ้านพัก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ส่วนรัฐบาลจะเอาอย่างไรก็ว่ามาขณะนี้ยังไม่มีการพูดจาอะไรคิดว่าเปิดวันทำการราชการจะพูดจากัน

เมื่อถามว่า ในส่วนของกองทัพได้เตรียมความพร้อมอย่างไร พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังเหมือนเดิม ถ้าจะให้ตนเดา คงเหมือนเดิมคือ นายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รับผิดชอบ ซึ่งนายสุเทพ จะมีคำสั่งมอบหมายให้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เป็นหน่วยวางแผนปฏิบัติ แต่ความรับผิดชอบใหญ่อยู่ที่ นายสุเทพ เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินสถานการณ์ในวันที่ 19 ก.ย. จะรุนแรงหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จะมีการชุมนุมที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ แต่เราจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความรุนแรง ทั้งนี้ ต้องฟังรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร จะให้เข้าไปได้แค่ไหนอย่างไร หรือ ถ้าไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุนมเข้าไปเลย จะทำอย่างไร เรื่องนี้ต้องถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะทำอย่างไร

เมื่อถามว่า ได้พบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่ ภายหลังจากที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ถูกปลดจาก ผบ.ตร. ไปแล้ว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตน ให้กำลังใจกันไป ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใครจะไปทำอะไรได้ เมื่อถามว่า อนาคตต่อจากนี้ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่อาจจะมีผลกระทบเกิดขึ้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องอย่างนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีผลมากกว่า เพราะตำรวจเองรู้กฎหมายมากกว่าทหาร เราเองไม่ค่อยจะรู้กฎหมาย เขารู้ว่าเมื่อปฏิบัติไปแล้วโดนอะไรอย่างไร เมื่อถามว่า ต่อไปทางทหารเองก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นในการปฏิบัติหน้าที่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวสั้นๆว่า คงเป็นอย่างนั้นขณะนี้ยังไม่รู้อะไรซึ่งนี่คือปัญหา

ด้าน พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) กล่าวถึงการเตรียมประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 15 ก.ย. ถ้านายกรัฐมนตรี มีข้อมูลพิจารณาประกอบการตัดสินใจแล้วว่าจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรี สามารถตกลงใจได้เมื่อรู้ข้อมูลวัตถุประสงค์ของกลุ่มผู้ชุมนุม หรือ ถ้าพิจารณาแล้วว่าการชุมนุมไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็อาจไม่จำเป็น ซึ่งอาจจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แผนควบคุมการชุมนุมเท่านั้น หรือ หากไม่สามารถควบคุมได้ก็สามารถร้องขอทหารมาช่วยในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน เรื่องนี้ก็แล้วแต่ว่า รัฐบาลมีข้อมูลมากน้อยแค่ไหนถึงการข่าวว่า ฝ่ายที่ชุมนุนมจะทำอะไรแค่ไหนอย่างไร อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่มีการยั่วยุ ขว้างปาสิ่งของใส่นายกรัฐมนตรี ระหว่างเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเป็นดัชนีเร่งเร้าให้รัฐบาลต้องเตรียมรับมือ การชุมนุนม เพราะเมื่อดูเจตนาแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ต้องการให้เกิดความสงบ ทั้งนี้ หากรัฐบาลประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ออกมาเจ้าหน้าที่จะได้มีเวลาเตรียมการณ์แผนบูรณาการป้องปราม ป้องกัน ไม่ให้ทำการใดๆ ให้เกิดความรุนแรง

ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกองทัพบก กล่าวว่า ภารกิจของกองทัพ ก็คงเหมือนเดิมถ้าได้รับมอบภารกิจหน้าที่มา จะเตรียมกำลังเข้าไปศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ขณะนี้เพียงแต่รอคำสั่งจากรัฐบาลในการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ซึ่งในเร็วๆ นี้จะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ด้านการข่าว ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจริงๆแล้วไม่น่ากังวล  แต่สิ่งที่น่ากังวล คือกลุ่มผู้ไม่หวังดี ฉกฉวยสร้างสถานการณ์ ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเน้นเรื่องการข่าวเป็นหลัก เมื่อถามว่า ทางกองทัพได้เตรียมกำลังทหารเท่าเดิมหรือไม่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า น่าจะเตรียมกำลังเท่าเดิมจำนวน 33 กองร้อยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งตำรวจใช้แผนกรกฎตามเดิม ส่วนทหารไม่มีแผนรอรับ เพียงแต่รับคำสั่งจากศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย

...