อันที่จริงผมไม่อยากเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยเรื่องอกสั่นขวัญแขวน แต่เมื่อได้ยินคำสัมภาษณ์ของรองนายกฯสุเทพ  เทือกสุบรรณ ก็อดรนทนไม่ได้ที่จะนำมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านผู้อ่าน

หากคุณสุเทพไม่ได้รับผิดชอบด้านความมั่นคงของประเทศ คำที่ว่า "ขณะนี้มีคนพยายามทำงานใต้ดินนอกระบบ เพื่อให้บ้านเมืองมันวุ่นวาย" ก็คงไร้ความหมายไม่มีอะไรมากไปกว่าลมผ่านหู

ยิ่งเมื่อบวกกับคำกล่าวเปิดการสัมมนานักเรียนเสื้อแดง ของ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ  นปช.  ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช. ที่มีผู้เข้าร่วมการสัมมนากว่า 1 พันคน

"ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ได้แล้วว่ารัฐไทยตายไปแล้ว ดังนั้นกลุ่มคนเสื้อแดงจะต้องร่วมกันสถาปนารัฐไทยขึ้นมาใหม่ โดยเป็นรัฐ ที่ปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระ ประมุข  และใช้กฎหมายตามหลักนิติรัฐให้สอดคล้องกับหลักนิติธรรม"

สำทับด้วยแกนนำคนเสื้อแดงที่ประกาศว่า ในวันที่ 19 ก.ย.นี้จะมีการชุมนุมใหญ่อย่างแน่นอน ถึงแม้รัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และเป้าหมายของการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ก็อยู่ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

ทำให้หลายคนวิตกกังวลว่าอาจจะมีการสร้างสถานการณ์ ให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนในบ้านเมือง เข้าทางของฝ่ายที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ในขณะที่เวทีรัฐสภาสัปดาห์นี้ก็จะมีการระดมความเห็น เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย จะมีการพ่วงประเด็นนิรโทษกรรมเข้าไปด้วยหรือไม่

ผิดจากการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ที่ดูเหมือนชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จะสะเด็ดน้ำ ตามความต้องการของ นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปล่อยให้ พล.ต.อ.พัชรวาท  วงษ์สุวรรณ ติดขื่อคาคดีสลายม็อบพันธมิตรฯของ ป.ป.ช.ต่อไป

รวมทั้งใกล้วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตกล้ายางและหวยบนดิน ที่แกนนำรัฐบาลหลายคนอาจต้องเดินคอตกเข้าคุก

ทุกอย่างก็ยิ่งตึงเครียดราวกับตกอยู่ใจกลางมรสุม เพราะสถานการณ์การเมืองทั้งในและนอกสภาขณะนี้อยู่ในสภาวะไม่ปกติ รัฐบาลกำลังเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยตัว

จนมีข่าวลือสะพัดว่า นายกฯอภิสิทธิ์ อาจซ้ำรอย อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางไปร่วมประชุมยูเอ็นแล้วหลุดจากเก้าอี้เพราะถูกรัฐประหาร

หากท่านผู้อ่านอยู่นิ่งๆสักพักแล้วมองทุกอย่างด้วยความมีสติ จะเห็นว่าสถานการณ์การเมืองวันนี้ไม่ต่างอะไรกับเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างเหมือนกับว่าเรากำลังย่ำอยู่กับที่ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน

แม้พรรครัฐบาลจะเปลี่ยนหน้าแต่ก็ไร้ธรรมาภิบาล ปัญหาเรื่องทุจริต คอรัปชันยังมีให้เห็นเป็นเรื่องปกติ ทุกวันนี้สังคมไทยแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งสีโน้นสีนี้ หากใครเห็นต่างก็ถือว่าเป็นศัตรูต้องฟาดฟันกันให้ตายไป ข้างหนึ่ง ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะสมานฉันท์

ทำให้สังคมตกอยู่ภายใต้ความหวาดเกรงต่อความรุนแรงและการใช้กำลังตัดสินปัญหา

ที่สำคัญเรายังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่า ใครจะเป็นผู้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งของสังคมไทย

เหตุผลก็คือสังคมไทยขาดไร้ซึ่งความชอบธรรม กฎระเบียบและข้อบังคับของบ้านเมืองไร้ความศักดิ์สิทธิ์ ปล่อยให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ผู้คนขาดจิตสำนึกในความเป็นชาติ เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน

คงไม่ต้องรอให้เกิดมิคสัญญีหรือสงครามกลางเมืองก่อน แล้วค่อยมีสติรู้สึกตัวว่าควรจะหันหน้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา เพราะหากรอให้ถึงวันนั้นมันก็คงสายเกินไป.

...

"ลมสลาตัน"