ผบ.ทอ. เผยรัฐบาลหนุนงบ 3.6 พัน ล้าน เลือก บ.แบบ ATR 72 -500 พร้อมเร่งฝึกนักบินรักษาความปลอดภัยสูงสุด ตามแผนยุทธการ 999...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ก.ย.) พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา ในกิจกรรม "9 ในดวงใจ" ที่ห้องรับรองกองทัพอากาศ หลังจากนั้น ได้เป็นประธานในพิธีต้อนรับเครื่องบินพระราชพาหนะแบบ ATR 72-500 ณ ลานจอดอากาศยาน ท่าอากาศยานกองบัญชาการ กองทัพอากาศ โดยในเวลา 09.19 น. เครื่องบินลำดังกล่าวพร้อมนักบิน 8 นาย ได้ร่อนลงที่รันเวย์ทิศเหนือ ในเที่ยวบินแรก ที่ถือเป็นเที่ยวบินนำส่งเครื่องพระราชทาน หลังจากได้มีการส่งมอบจากบริษัทผู้ผลิตจองประเทศฝรั่งเศสมาก่อนหน้านี้
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า สำหรับโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางจำนวน 4 เครื่อง เพื่อบรรจุเป็นเครื่องบินพระราชพาหนะ 1 เครื่อง เครื่องบินสำรองพระราชพาหนะสำรอง 1 เครื่อง และ เครื่องบินสำหรับรับ-ส่ง บุคคลสำคัญหรือ วีไอพี 2 เครื่อง โดยคณะรัฐมนตรีสมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เห็นชอบในหลักการ ดำเนินการจัดซื้อและคณะกรรมการคัดเลือกแบบเห็นชอบในการจัดซื้อเครื่องบิน รุ่นดังกล่าวจาก บริษัทอาวิลอน เดอ ทรานสปอร์ต ริจินัล ( AVIONS DE TRANSPORT REGIONAL: ATR) ประเทศฝรั่งเศสจำนวน 4 เครื่องนี้ พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายใน เครื่องมือภาคพื้นอะไหล่ การฝึกอบรมและการสร้างโรงเก็บมาตรฐานจำนวน 2 โรง วงเงินงบประมาณ 3,650 ล้านบาท โดยเครื่องบินทั้งหมด จะเข้าประจำการที่ฝูงบิน 603
พล.อ. อ.อิทธิพร กล่าวว่า สาเหตุที่กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินขนาดกลางเพื่อสนับสนุนภารกิจเครื่อง บินพระราชพาหนะ เพราะเครื่องพระราชพาหนะ เครื่องสำรองพระราชพาหระ ที่ประจำการอยู่ เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ จึงมีข้อขัดข้องในการสนองภารกิจ คือ ไม่สามารถเดินทางไปสนามบินในประเทศที่มีรันเวย์สั้นได้ โดย ขณะนี้ กองทัพอากาศแก้ไขปัญหาโดยการใช้ เครื่องบินลำเลียง C-130 เข้าปฏิบัติการทดแทนในบางภารกิจแทน อีกทั้ง พระราชกิจของแต่ละพระองค์มากขึ้น แต่เครื่องบินที่ประจำการอยู่นั้นเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ ไม่สามารถขึ้นลง ในบางสนามบินเป็นสนามค่อนข้างสั้น เพราะฉะนั้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เราจะต้องจัดหาเครื่องบินพระราชพาหนะขนาดกลางที่ขึ้นลงได้ทุกสนามบิน
ผบ.ทอ. กล่าวต่อว่า ขณะนี้ กองทัพอากาศมีเครื่องบินพระราชพาหนะแบบ BOEING 737-800 เข้าประจำการตั้งแต่ปี 2549 จำนวน 1 ลำ มีเครื่องบินพระที่นั่งสำรอง AIRBUS 310-300 เข้าประจำการตั้งแต่ปี 2534 จำนวน 1 ลำ และ มีเครื่องบินบุคคลสำคัญ AIRBUS –319 CJ อีก 1 ลำ ดังนั้นการจัดหาเครื่องบินรุ่นนี้เราของบประมาณจากสำนัก นายกรัฐมนตรี ผูกผันงบประมาณ 3 ปีระหว่างปี 50-52 วงเงิน 3,650 ล้านบาท ซึ่งเราได้รับการจัดสรรครบ ไม่ได้มีปัญหาหรือผลกระทบจากการขาดแคลนงบประมาณ
พล.อ.อ.อิทธิพร กล่าวอีกว่า แต่ส่วนที่เป็นเครื่องบินประเภทอื่น ทอ.ได้รับผลกระทบเพราะถูกตัดงบประมาณ แต่เครื่องบินพระราชพาหนะ ทอ.ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ดังนั้น ทอ.ได้เตรียมพร้อมในการคัดเลือกนักบินไปฝึกเป็นอย่างดี จากพิจารณาคุณสมบัติพิเศษกว่าบุคคลทั่วไป ดังนั้นนักบินที่ได้รับการคัดเลือกจะมี แผนยุทธการ 999 ที่จะคัดเลือกรวมถึงการรักษาความปลอดภัยให้กับพระบรมวงศานุวงษ์ ดังนั้นการคัดเลือกนักบิน โดยเฉพาะนักบินที่ 1 จะต้องมีชั่วโมงบินอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 1.6 พันชั่วโมง และต้องมีชั่วโมงบินเฉพาะกับเครื่องบินหลายเครื่องยนต์ หรือ สองเครื่องยนต์ขึ้นไปไม่น้อยกว่า 1,000 ชั่วโมง
ผบ.ทอ. กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญคือนักบินที่ 1 ต้องมีชั่วโมงบินกับเครื่องบินเฉพาะแบบ คือ ATR อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 300 ชั่วโมง เพื่อให้มีความพร้อม และนักบินมีความรู้ความสามารถจริงๆ ก็ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งคิดว่าประมาณ 8-10 เดือนขึ้นไป ถึงจะทำการฝึกนักบิและเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อมและมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน ที่จะเป็นนักบินพระราชพาหนะ ที่ต้องมีความปลอดภัยสูงสุด ขั้นตอนต่อไปคือการฝึกบินให้มีความพร้อมต่อไปก็จะทูลเกล้าฯ ถวาย อีกครั้งหนึ่ง
ภาพจาก: JETPHOTOS.NET
...