การยึดอำนาจครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในบ้านเราเมื่อ 19 ก.ย.2549 จะครบรอบ 3 ปี ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ดูเหมือนว่าภาพการเมืองยังจมปลักเหมือนเดิม กลิ่นอายของเผด็จการ ยังคุกรุ่น ความพยายามที่จะหมกเม็ดอำนาจเผด็จการ ซ่อนกับดักการเมืองกันเอาไว้ ก็ยังเหมือนเดิม
เผด็จการก็พยายามจะคงอำนาจไว้เหมือนเดิม
เพียงแต่ว่าจะอยู่ในคราบไหน บทไหนเท่านั้นเอง ประเทศ ไทย การเลือกตั้งก็ดี ระบบยุติธรรมก็ดี คือพูดชัดๆว่าอำนาจ นิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ ไม่ใช่สัญลักษณ์การแสดงออกถึงความมีประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยเมืองไทยยังไม่ได้ ถูกควบคุมโดยคนส่วนใหญ่
ท่านที่ติดตามการเมืองคงจะจำได้ ปี 2533-35 หรือสมัยที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกฯ ตอนนั้นคนไทยสนุก กับตัวเลขทางเศรษฐกิจ ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ เลยไปจนถึงการ เปิดประตูการค้า ราคาที่ดินพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัว สินค้าส่งออกขายดิบขายดี
น้าชาติสนุกอยู่กับการปั้นเศรษฐกิจ เลยลืมระวังหลังทางด้านการเมือง ถูกกองทัพตีท้ายครัวเอาจนได้ การเมืองสมัยน้าชาติ ก็ย่ำแย่ หลายพรรคหลายกลุ่มหลายมุ้ง ทั้งๆที่เกือบจะคุมเสียงแบบ เบ็ดเสร็จได้แล้ว ก็มาถูกยึดอำนาจซะก่อน
ตัดตอนการพัฒนาชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
หลังจากนั้นกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นอีกทีเล่นเอาหืดขึ้นคอ จะเริ่มมาดีเอาตอน รัฐบาลทักษิณ แต่ก็อีกนั่นแหละ การเมือง เศรษฐกิจ กำลังเข้าที่เข้าทางก็มาถูกเบียดจนตกถนนจนได้
การเมืองวันนี้ไม่แตกต่างกับเมื่อวานหรือเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว เท่าไหร่ รัฐบาลไม่มั่นคง อยู่บนการต่อรองและมีโอกาสของการ ปฏิวัติรัฐประหาร หรือแม้แต่ในระบบคือการยุบสภา ลาออก ได้ทุกเมื่อ
เงื่อนไขเต็มไปหมด
วันนี้ ป.ป.ช.ทั้งยืนทั้งยันว่าจะเชือดคดีสลายม็อบ 7 ตุลาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวซะที มีแต่ระดับแนวหน้าทั้งนั้น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีส่วนหนึ่งที่ชื่อคุ้นๆหูก็ถูกเป่าหายไปอย่างน่าฉงน
จะการเมืองไม่การเมืองคงไม่ต้องมานั่งอธิบายให้เมื่อยตุ้ม พล.อ.ชวลิต คุณสมชายแบเบอร์ พล.ต.อ.พัชรวาทก็ยังคาราคาซังเรื่องตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ ที่ยังล้วงไม่เลิก
สัปดาห์นี้มีเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาอีกประเด็น งานเข้าทั้งนั้น คดีความที่ยังรอชู้ตลูกเข้าประตูก็จ่อคอหอย แสร้งเป็นโรคเลื่อนแล้วเลื่อนอีก เอาเถอะ ก่อนวันที่ 20 กันยายนนี่คงจะมีทีเด็ด
ห้ามกะพริบตา.
...
หมัดเหล็ก