วันเสาร์สบายวันนี้ ท่ามกลางความไม่สบายใจของคนใน เขตดุสิต ที่ต้องตกใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน ผมขอพาท่านผู้อ่านไปคุยเรื่องธรรมะกันดีกว่านะครับ เห็นชื่อเรื่องคงแปลกใจ ธรรมะเรื่องสัจจะ ลองไปอ่านดูครับ
หมู่นี้ผมอ่านหนังสือธรรมะของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว) หลายเล่ม เลยมีเรื่องดีๆนำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อช่วยกันประคับประคองสังคมไทยที่กำลังหลงทาง ให้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง
เรื่องที่จะเล่าสู่กันฟังในวันนี้ก็คือ ธรรมะในเรื่อง "สัจจะ" หรือ "ความจริง" ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของคนทุกชนชั้น แม้แต่ในชั้นอริยภูมิ พระอริยะ ก็ต้องมี "อริยสัจ" ความจริงอันประเสริฐ แต่ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าคนทั่วไปจะละเลยสัจจะ พูดเท็จกันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะ "นักการเมือง" ที่บริหารปกครองประเทศ พฤติกรรมที่เป็นอยู่นอกจากจะ "ไร้สัจจะ" แล้วยัง "พูดเท็จ" กันหน้าตาเฉย เป็นตัวอย่างที่เลวแก่สังคมส่วนรวมด้วย
อย่างที่ได้เห็นได้ฟังจากสื่อต่างๆในช่วงนี้
สมเด็จเกี่ยว ท่านบอกว่า สัจจะเป็นที่ปรารถนาของสังคมทุกระดับชั้น แม้แต่ในกลุ่มคนที่ชอบเล่นเล่ห์กล ตนเองเล่นได้ แต่คนอื่นจะมาเล่นกับตนไม่ได้ จะต้องเป็นคนมีสัจจะ คือมีความจริง แม้แต่คนที่ปลิ้นปล้อนหลอกลวงอยู่เป็นประจำ เรียกว่าหลอกกันตลอดเวลา
หลอกคนนั้น หลอกคนนี้ หลอกคนโน้น แต่ก็ไม่อยากให้ใครมาหลอกตนเองเหมือนกัน ไม่มีนักหลอกลวงที่ไหนอยากให้มีใครมาหลอกตน
นี่แหละครับ แม้แต่คนที่โกหกเป็นประจำก็ยังชอบสัจจะเหมือนกัน
สมเด็จเกี่ยว จึงบอกว่า สัจจะ เป็น หลักธรรม ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในสังคม พระพุทธเจ้า ทรงตรัสสอนถึงเรื่องสัจจะไว้ในลักษณะต่างๆที่ท่านได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอก็คือเรื่อง ศีลข้อที่ 4 งดเว้นจากมุสาวาท คือให้พูดสัจจะคือความจริงนั่นเอง
พระพุทธเจ้า ไม่ทรงประสงค์ให้คนในศาสนาของพระองค์เป็นคนที่มีวาจาเป็นเท็จ พระองค์ต้องการให้พูดแต่คำที่เป็นจริง ทรงสอนถึง สัจจบารมี คนที่จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าต้องมีบารมีข้อหนึ่งคือ สัจจะ
คนสำคัญของบ้านเมืองก็เหมือนกัน ต้องมีบารมีข้อหนึ่ง คือ "สัจจะ" ขาดไม่ได้ ถ้าจะทำให้บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า
บางคนบอกว่า คนที่บริหารบ้านเมืองก็แลดูไม่ค่อยจะมีสัจจะ ให้สังเกตดูก็แล้วกัน ถ้าหากว่าสัจจะน้อย บ้านเมืองก็ระส่ำระสาย สัจจะมาก บ้านเมืองก็สงบ เป็นข้อที่เห็นกันด้วยเหตุด้วยผล
ดังนั้น สมเด็จเกี่ยว จึงสรุปว่า ถ้าหากบ้านเมืองมีคนที่มีสัจจะมาก บ้านเมืองก็ร่มเย็นมากขึ้น ถ้าบ้านเมืองมีคนขาดสัจจะหลอกลวงกันมากขึ้น บ้านเมืองก็ขาดความร่มเย็นเป็นสุขน้อยลงไปตามส่วน
เมื่อมันเป็นอย่างนี้แล้ว เราจะมัวโกหกพกลมกล่าวคำเท็จกันทำไม เพราะแท้ที่จริงแล้ว เราจะร่มเย็นเป็นสุข จะเจริญก้าวหน้า ก็เพราะสัจจะ ไม่ใช่เพราะมุสา เป็นไปไม่ได้เลยที่ศาสนาจะเจริญ เพราะคนโกหกมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่ชาติบ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้า
เพราะคนในชาติบ้านเมืองโกหกกันมาก มีแต่บ้านเมืองจะเจริญก้าวหน้า เพราะคนมีสัจจะมาก ศาสนาจะเจริญเพราะคนมีสัจจะมาก
สัจจะที่ว่านี้ จะต้องเป็นทั้ง สัจจะในการพูด และ สัจจะในการกระทำ ไม่ใช่สัจจะแต่พูดอย่างเดียว แต่ไม่มีสัจจะในการกระทำ
แล้ว สมเด็จเกี่ยว ก็สรุปเป็นข้อคิดว่า สัจจะเป็นสิ่งจำเป็น เราทุกคนควรจะได้ฝึกฝนให้เป็นคนที่มีสัจจะ ทั้งการทำและการพูด อย่าเป็นคนพูดอะไรให้มีคำเท็จเจือปนจนมากเกินไป
เหมือน นักการเมืองไทย ที่ชอบ พูดความจริงแค่ครึ่งเดียว หรือ พูดความเท็จ 100 เปอร์เซ็นต์ คือ พูดอย่างหนึ่ง แต่ ทำอีกอย่างหนึ่ง เหมือนฟ้ากับดิน มือกับเท้า อย่างที่เราเห็นกันอยู่ ทุกวันในช่วงนี้ แต่คนอื่นที่มาพูดกับตัวเอง นักการเมืองขี้ห๊กเหล่านี้กลับต้องการ
สัจจะ พูดความจริงกับเขาเท่านั้น.
"ลม เปลี่ยนทิศ"
...