มาถึงยามนี้ คนที่รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ มากที่สุด มากกว่าใครเพื่อน หลังศาลอาญา มีคำสั่งถอนประกันตัว นายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) ในฐานะจำเลยที่ 7 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ในคดีก่อการร้าย เนื่องจากศาลเห็นว่า นายยศวริศ กระทำความผิดจริง ที่จงใจไปเปิดเผย ข้อมูลส่วนตัว ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 7 คน
โดยศาลได้อ่านคำสั่ง "ถือเป็นการ ยุยง ปลุกปั่น ให้ผู้ฟังรู้สึกดูหมิ่นเกลียดชัง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเป็นการกดดันการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งการนำข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นมาเปิดเผยโดยไม่มีเหตุจำเลยก็ไม่ใช่ ผิดวิสัยปกติของบุคคลทั่วไป นอกจากนี้ยังถือได้ว่าการกระทำของจำเลย เป็นการยั่วยุปลุกปั่น ปลุกระดมเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน การกระทำของจำเลย จึงถือได้ว่าเป็นการผิดเงื่อนไขที่ศาลกำหนดไว้ อาจก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น จึงมีเหตุสมควรที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลย จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว"
คนที่กล่าวถึงนั้น จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากแกนนำ นปช.ที่มีชื่อตกเป็นจำเลย ในฐานะจำเลยที่ 5 ของคดีเดียวกัน นั่นก็คือ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งมีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง เพราะยังอยู่ในสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร และศาลอาญาเอง ก็มีคำสั่งให้เลื่อนการพิจารณาคดีไปเป็นวันที่ 29 พฤศจิกายน พร้อมกับเพื่อน ส.ส.อีก 4 คน ที่ตกเป็นจำเลยในคดีเดียวกัน ทั้ง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ (จำเลยที่ 3) นายแพทย์เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไทย (จำเลยที่ 4) นายการุณ โหสกุล (จำเลยที่ 9) และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย (จำเลยที่ 10) ไม่นับรวม นายภูมิกิติ หรือนายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง (จำเลยที่ 11) ไม่มาศาลเพราะอ้างว่าป่วย ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.พระราม 9
ในจำนวนรายชื่อบุคคลเหล่านี้ ต้องยอมรับว่า บุคคลที่ดูสุ่มเสี่ยง อาจต้องพบกับฝันร้ายแบบเดียวกับ นายยศวริศ มากที่สุด ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ นายก่อแก้ว พิกุลทอง เนื่องจากในวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ไปแถลงข่าวที่รัฐสภาทำนอง ให้ประชาชน เบิกเงินสด หยุดการลงทุน ตุนน้ำ ตุนอาหาร บอกครอบครัวให้เตรียมรับสถานการณ์ หากศาล รธน.ตัดสินออกมาไม่เป็นธรรม ในกรณีการแก้ รธน.มาตรา 291 ผิด รธน.มาตรา 68 ถือเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่? มีการขู่ว่าจะแจ้งความดำเนินคดีข้อหากบฏ กับคณะตุลาการศาล รธน. ขอให้ตำรวจจับกุม แถมยังบอกอีกว่าถ้าเจ้าหน้าที่ไม่จับกุม ฝ่ายประชาชนจะจับเองอีกต่างหาก
...
ซึ่งถ้าจะดูในบรรทัดฐานเดียวกันกับ นายยศวริศ นายก่อแก้ว ก็มีความสุ่มเสี่ยงมากที่สุด อย่างไม่ต้องสงสัย หนทางเดียวที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.รายนี้ จะทำได้ก็คือต้องทำใจเพียงอย่างเดียว และรอรับกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า อย่างที่นายก่อแก้วเคยให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์เอาไว้
"ผ่านอะไรมาเยอะ จนรู้สึกชาชิน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เพราะเราเชื่อว่าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าศาลถอนประกันก็ต้องยอมรับ แต่อย่างผมมันยังอยู่ในสมัยประชุมก็ต้องเข้าช่วงนั้น ส่วนตัวพร้อมรับคำตัดสินของศาลอาญาในทุกกรณี หากเหตุการณ์นี้เกิดก่อนปี 2553 ตนคงมีความรู้สึกตื่นเต้นมาก แต่ตอนนี้รู้สึกเฉยๆ และไม่มีความกังวลอะไร ส่วนตัวเห็นเป็นความบริสุทธิ์ใจของตน ที่เดินทางไปที่ศาลอาญา ทั้งที่ความจริงแล้วอาจตัดสินใจยังไม่เดินทางไปศาลอาญาในครั้งนี้เสียก็ได้ เพราะตนมีเอกสิทธิ์ ส.ส. ทั้งยังอยู่ในสมัยวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทั้งเชื่อมั่นว่า จะสามารถชี้แจงได้ นี่ในมุมมองตัวเองนะครับ ก็อยากไปชี้แจงให้เรื่องมันจบๆ ไป คนอื่นที่ได้รับผลกระทบตามตัวเราไปด้วยจะได้ไม่มีปัญหา" นายก่อแก้ว กล่าว...
แต่ท่าทีล่าสุด นายก่อแก้ว กล่าวภายหลัง ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนประกันตัวนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก โดยไม่อยากแสดงความเห็น และขออนุญาตว่ายังไม่ขอให้สัมภาษณ์ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องขออนุญาตจริงๆ
ชัดเจน นายก่อแก้ว มีความรู้สึกไม่อยากให้สัมภาษณ์ใดๆ อีก ทางหนึ่งเพราะอาจกลัวว่า อาจกล่าวอะไรออกมาผิดพลาดอีก จนนำมาเป็นข้อให้ศาลพิจารณาถอนประกันตัว อีกทางคือ เครียดจัด จนพูดอะไรไม่ออก หรืออาจเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง
หนทางที่ดีที่สุด ในยามนี้ของนายก่อแก้ว คือทำอย่างที่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้เองให้ได้ "ผ่านอะไรมาเยอะ จนรู้สึกชาชิน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เพราะเราเชื่อว่าเราทำสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าศาลถอนประกันก็ต้องยอมรับ"
ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่กำลังเกิดขึ้น เกิดจากคำพูดและการกระทำของตัวเองทั้งสิ้น คำพูดถ้าไม่กล่าวออกไปก่อนก็คงไม่มีอะไร
ดังนั้นกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายก่อแก้วในขณะนี้ จึงต้องขอยืมคำพูด หรือวลี ที่ถือเป็นอมตะวาจาของ อดีตนักการเมืองไทยผู้ยิ่งใหญ่ ที่ล่วงลับไปแล้ว ฉายา "น้าชาติ...มาดนักซิ่ง" พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ที่ว่า "คำพูดนี้ หากยังไม่พูดออกไปจากปาก เราเป็นนายมัน แต่ถ้าพูดออกไปแล้วละก็ มันก็เป็นนายเรา"....