ลุ้นระทึกกับเหตุการณ์บ้านเมืองวันนี้ จะออกหัวออกก้อยอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ประเด็นการถวายฎีกาของ

คนเสื้อแดง ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่ากับการคัดค้านการถวายฎีกาและมีมือที่สามเข้ามาจุดชนวนการเมืองกันใหม่อีกรอบ

นอกเหนือจากลับ ลวง พราง

จะเปิดเกมชิงอำนาจทางการเมืองรอบใหม่อย่างไรก็ว่ากันไป จะเป็นไก่ในเข่ง จิกตีกันให้ฝุ่นตลบบ้านเมือง ก็สุดที่จะห้าม แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติ โดยเฉพาะความแตกแยก ทำให้เกิดการเมืองภาคบังคับ ขาดความสมานฉันท์อย่างถาวร

แบ่งประชาชนเป็นสองประเทศการที่มีข้าราชการระดับสูงของแต่ละกระทรวง มาลงชื่อคัดค้านการถวายฎีกาก็ดี การที่ชักนำให้ประชาชนเกิดสองความคิดที่เป็นคนละขั้วระหว่างถวายฎีกากับไม่ถวายฎีกาก็ดีการที่ต้องเอากองทัพ เอาสถาบัน เอาประชาชน เอาภาครัฐ

และภาคเอกชน เอาทุกอย่าง มาเดิมพันกับวิกฤติการเมือง ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างนี้

เดิมพันค่อนข้างสูงไปหน่อย

เพราะความหมายของการถวายฎีกานั้นมีผลเกี่ยวโยงถึงสถาบันเบื้องสูง เมื่อนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นความขัดแย้งของคนในชาติสมควรหรือไม่สมควร

ทุกฝ่ายต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ

ใช่ว่าการถวายฎีกาจะเป็นความผิด แต่ไฟการเมืองที่จะจุดขึ้นมารอบนี้ ไม่ใช่ไฟลามทุ่ง เกรงว่าจะเป็นไฟบรรลัยกัลป์เผาบ้าน เผาเมือง เมื่อถึงจุดสุดท้ายของมนุษย์เมื่อไม่มีทางออก ก็ย่อมต้องระเบิดออกมา

แม้หญ้าแพรกก็แหลกลาญ

วันนี้ผมจึงอยากให้ทุกฝ่ายคิดให้ดี ไม่อยากให้ฝ่ายใดตกเป็นเหยื่อ และก็ไม่อยากเห็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกชี้หน้าว่า ดึงฟ้าต่ำ เช่นกัน

เพียงแต่ว่า หันหน้าเข้าหากันในฐานะคนไทยด้วยกัน พูดภาษาเดียวกันมี ในหลวง องค์เดียวกัน แล้วทำลายกำแพงแห่งความไม่เท่าเทียมและเสมอภาคทิ้งไปให้หมด

ไม่มีเด็กเส้น

วันนี้จะถือว่า เป็นฟางเส้นสุดท้าย ก็ว่าได้ จะใช้อำนาจจากประชาชนส่วนใหญ่ ก็คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะบ้านเราปกครองด้วยเสียงส่วนน้อย

ประชาชนเสียงส่วนใหญ่รูดซิปปากกันหมด ด้วยเพราะห่วงตัวเองมากกว่าห่วงบ้านเมือง ดังนั้น บ้านเมืองของเรานับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จึงต้องขึ้นอยู่กับ ยถากรรม กันแล้ว.

...