นพดลซัดอภิสิทธิ์เผยธาตุแท้ทิ้งหลักการ ปชต. จวกทำตัวเป็นม็อบไม่ยึดแนวทางสภาฯ "สะท้อนให้ประชาชนเห็นตัวตนของนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นนักการเมืองที่ยอมทิ้งหลักการ"...
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากเหตุการณ์การความวุ่นวายในสภาฯ ในระหว่างการพิจารณาญัตติของสภาฯ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่ายอมเสียภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขัดขวางร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง และทั้งนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ ประกาศจะขัดขวางกฎหมายทุกวิถีทางและเรียกร้องให้ประชาชนออกมาประท้วงเพื่อขวางกฎหมายปรองดองนั้น สะท้อนให้ประชาชนเห็นตัวตนของนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นนักการเมืองที่ยอมทิ้งหลักการ ไม่เคารพกติกา พฤติกรรมของนายอภิสิทธิ์ทำให้ประชาชนตาสว่างทั้งแผ่นดินว่าแก่นแท้และตัวตนของนายอภิสิทธิ์นั้นแตกต่างจากภาพลักษณ์ที่พยายามสร้างว่าเป็นนักประชาธิปไตยและยึดมั่นในหลักการโดยสิ้นเชิง
เหตุการณ์ในวันนี้ช่วยอธิบายการบอยคอตการเลือกตั้ง การแย่งชิง ส.ส. พรรคพลังประชาชนไปตั้งรัฐบาลทั้งๆ ที่แพ้เลือกตั้ง ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในอดีต ทำให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์พร้อมจะทิ้งหลักการและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองเข้าสู่อำนาจและบรรลุเป้าหมายโดยไม่สนใจว่าเป็นการทำลายกระบวนการทางรัฐสภา และเพื่อจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามโดยไม่สนใจรัฐธรรมนูญ ข้อบังคับสภาฯ และมารยาทและความดีงามทั้งปวงของระบอบประชาธิปไตย แต่ก็พร้อมใช้วิธีการปลุกม็อบเคลื่อนไหวนอกรัฐสภาและพฤติกรรมที่ลูกพรรค ประชาธิปัตย์ได้ใช้กำลังคุกคาม หยาบคาย ทำร้ายและกระชากเก้าอี้ประธานสภาฯ เป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและสะเทือนใจ นักประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก
นายนพดล กล่าวต่อว่า การพิจารณาในสภาขั้นเลื่อนระเบียบวาระฯ เป็นการพิจารณาขั้นต้นเท่านั้น แต่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์คัดค้านอย่างเอาเป็นเอาตาย ตีรวน คุกคาม และทำร้ายประธานสภาฯ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ราวกับการกระทำของม็อบการเมือง ทั้งๆ ที่การพิจารณากฎหมายนั้นมีการพิจารณาอีกหลายขั้นตอนและยังมีการพิจารณา ทางวุฒิสภาอีกด้วย และยังสามารถแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำได้ นายอภิสิทธิ์ และ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ควรมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ เพราะในสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเอาเปรียบ พรรคอื่นก่อนการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยก็อดทนและยอมเข้าสู่สนามการเลือกตั้งที่ตนเองเสียเปรียบ เพราะฉะนั้น เมื่อพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งแล้วเป็นเสียงข้างน้อยก็ต้องยอมรับ กติกาประชาธิปไตยที่เคารพเสียงส่วนใหญ่เพราะฉะนั้นคำพูดที่บอกว่า เสียงข้างมากลากไป จึงไม่ถูกต้องจะมีจริงก็พวกเสียงข้างน้อยคอยรังควาน และตีรวน ซึ่งเราจะยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้ในระบอบประชาธิปไตยที่เสียง ข้างน้อยจับสภาฯ เป็นตัวประกัน เพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง.
...