"เราไม่อยากแพ้"
ในจังหวะทีเล่นแต่เอาจริง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พูดลอยลมเป็นนัย รับมุกข่าวปรับเปลี่ยนตัวโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุที่นายปณิธาน วัฒนายากร รักษาการโฆษกรัฐบาล อ่อนเชิงตอบโต้ทางการเมือง
เสียยี่ห้อประชาธิปัตย์
และก็เป็นอะไรที่แค่กั๊กหยั่งเชิงกันพอเป็นพิธี แต่จริงๆวางคิวกันไว้แล้วกับชื่อของ "หล่อเล็ก" นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. ให้เข้ามาทำหน้าที่กระบอกเสียงรัฐบาล เติมเต็มทีมงานของนายกฯอภิสิทธิ์ "หล่อใหญ่"
เน้นขาย "หล่อ" เข้าว่า
แต่ทั้งหมดทั้งปวง จากประโยคข้างต้นที่ว่า "เราไม่อยากแพ้" มันสะท้อนเนื้อแท้ในอารมณ์ลึกๆของนายกฯอภิสิทธิ์
ยอมเสียเชิงไม่ได้
เหมือนกับจะสรุปว่า การอ่อนเชิงไม่ตอบโต้ประเด็นการเมืองของนายปณิธาน เป็นเหตุให้รัฐบาลโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำกระแส
พลาดท่าเป็นรองคู่ต่อสู้
ทั้งๆที่ดูกันตามเกม โดยรายการประชันฝีปาก เฉือนคมวิวาทะทางการเมืองกับฝ่ายตรงข้าม มันก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือวิสัยถนัดของยี่ห้อประชาธิปัตย์ซะที่ไหน
น้ำลายท่วมจอเลยก็พูดได้
ไหนจะรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" ทุกเช้าวันอาทิตย์ ที่พยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบดึงความสนใจ ทั้งการจัดคิวเรียลลิตี้ให้นายกฯขึ้นรถ ลงเรือ เดี๋ยวก็เปลี่ยนมานั่งตู้รถไฟ ระดมทีมงานมืออาชีพกระตุ้นเรตติ้ง
ทุ่มทุนสร้างกันเต็มที่
"อภิสิทธิ์" มีเวทีให้ยึดคนเดียวเลย
ยังไม่นับคิวของ "ทีมงานโฆษก 3 คันรถตู้" ที่ยึดพื้นที่ข่าวในช่วงวันหยุด นั่งเรียงแถวแถลงข่าวถล่มฝ่ายค้านหน้ากระดานเรียงหนึ่ง ไล่ตั้งแต่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค นายสาธิต ปิตุเตชะ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรค
แท็กทีมโซ้ยสุดสัปดาห์
แต่ทั้งหมดก็ยังด้อยกว่า "เดอะคึก" นายเทพไท เสนพงศ์ โทรโข่งประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ปะฉะดะรายวัน
สันทัดมันทุกปม พูดได้ทุกประเด็น
ยังไม่พูดถึงคิวของรุ่นใหญ่อย่าง "น้าชวน" นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่เผลอๆก็ออกมาสะบัดใบมีดโกน
เคาะสนิมกันบ่อยๆ
มันจึงเป็นอะไรที่ออกจะเฝือไปซะด้วย โดยเหลี่ยมเชิงการตอบโต้ทางการเมืองกับฝ่ายตรงข้าม ดูกันตามเนื้อผ้าแล้ว ประชาธิปัตย์ ไม่ได้อ่อนประสิทธิภาพแต่อย่างใด
ที่หายไปคือ "เนื้องาน" ต่างหาก
"น้ำ" อย่างเดียว ไม่มี "เนื้อ" นี่แหละ "ปัญหา"
โดยเกมเปลี่ยนตัวโฆษกรัฐบาลมันจึงน่าจะเป็นแค่ "ลูกเขี้ยว" ของต้นตำรับเซียนการเมืองยี่ห้อประชาธิปัตย์
เปิดเกมเบี่ยงกระแสเฉพาะหน้า
นัยว่า ออกตัวยอมรับคิวพลาดท่าเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง เพราะผลจากการตั้งรับไม่ตอบโต้กับฝ่ายตรงข้าม โยนให้เป็นความอ่อนเชิงของโฆษกรัฐบาล
ทั้งๆที่ของจริงมันจำนนเพราะ "ฟ้องด้วยภาพ"
วิกฤติเศรษฐกิจไม่กระเตื้อง ยังมาเจอคิวฉาว รายการ "ยัดไส้" โครงการชุมชนพอเพียง ที่คราบฝังลึกเกินกว่าเครื่องฟอกยี่ห้อประชาธิปัตย์ หรือเครดิต "คุณชายสะอาด" อย่างนายกฯอภิสิทธิ์จะเอาอยู่
ไหนจะคิวป่วนๆของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่ขึ้นต้นด้วยคิวเคลียร์ "ตอ" คดีลอบสังหาร "เดอะลิ้ม" นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ แต่บี้กันไปบี้กันมา สุดท้ายคำตอบของเกมลับ ลวง พราง ล่อกันเอง ก็เฉลย อยู่ที่รายการแย่งกัน "เป่าเค้ก" ยื้อส่วนแบ่งโผโยกย้ายนายตำรวจ
ฟ้องด้วยภาพตำตา
ต่อให้โฆษกรัฐบาลปากเก่งแค่ไหนก็เคลียร์ไม่ออก.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
...