เมื่อเดินหน้าแล้วก็ต้องคลุกวงในกันต่อไป...ครับกำลังพูดถึงนายกฯกับปัญหาในวงการตำรวจที่บานปลายกลายเป็นประเด็น การเมืองไปแล้ว หลังจากที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ได้เดินทางกลับจากจีนก่อนกำหนด

อะไรที่วางแผนล่วงหน้าไว้ ตกลงกันไว้ก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันใหม่ มีการจับตากันว่านายกฯจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป

ที่สุดดูเหมือนจะมีการตกลงกันว่า พล.ต.อ.พัชรวาทต้องเดินทางลงไปปฏิบัติภารกิจที่ภาคใต้ระหว่างวันที่ 13-18 ส.ค. และมีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เข้ามาทำหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร.แทนอีกครั้ง เพื่อปฏิบัติภารกิจให้เรียบร้อยตามแนวทางของนายกฯ

เอาเข้าจริงก็คือเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ

พูดง่ายๆว่านายกฯดูจะไม่เชื่อใจและไม่ต้องการให้ ผบ.ตร.เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการจัด "โผ" โยกย้ายแต่งตั้งทั้งหมด แม้จะยอมให้ ผ่าน 152 ตำแหน่ง ไปได้อย่างสะดวกนั่นเพราะคงเห็นว่าไม่ต้องการให้มีปัญหาและไม่มีตำแหน่งสำคัญที่จะส่งผลมากนัก

แต่โผต่อไปการแต่งตั้งระดับรองผู้บังคับการฯลงไปตามโครงสร้างใหม่นั้นจะไม่ให้เข้ามายุ่ง แต่จะให้ พล.ต.อ.วิเชียรดูแลแทนและจะมีโผย้ายใหญ่อีกชุดก็จะให้ ผบ.ตร.คนใหม่เข้ามาดูแลรับผิดชอบ

ว่ากันว่าหากยังมีปัญหาหรือเข้ามายุ่งอาจจะเลื่อนการประกาศใช้โครงสร้างใหม่ออกไปอีกเพื่อให้ พล.ต.อ.พัชรวาทพ้นจากตำแหน่งไปก่อน  หรืออย่างน้อยก็ให้ถึงวันที่ 30 ส.ค. ซึ่ง ผบ.ตร.จะไม่มีอำนาจเข้ามายุ่งเกี่ยว

ขณะเดียวกัน  มีข่าวว่าการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจต่อไปจะให้ ผู้บัญชาการแต่ละภาคดำเนินการในส่วนที่รับผิดชอบเพื่อเป็นการกระจายอำนาจและผู้บัญชาการแต่ละภาคสามารถเลือกบุคคลที่เหมาะสมและมีความสามารถรวมถึงการทำงานที่สอดคล้องกับผู้บังคับบัญชาได้

ไม่ใช่รวบอำนาจอยู่ในมือ ผบ.ตร.เพียงคนเดียว

อย่างไรก็ดี การที่นายกฯตัดสินใจเข้าไปลุยตำรวจด้วยตนเอง แม้จะมีผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งในประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคได้ออกมาเตือนว่าอย่าเข้าไปยุ่ง อย่างคำโบราณที่บอกว่า อย่าไปเล่นกันเดี๋ยวไฟมันจะไหม้มือเอา

แต่ดูเหมือนว่านายกฯจะมั่นใจและเชื่อมั่นว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ ข้อสำคัญก็คือ ไม่สามารถทนดูสภาพที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจ  เพราะตามรูปการณ์การเร่งรีบโยกย้ายแต่งตั้งนั้นจะมีความพยายามรวบอำนาจเอาไว้ทั้งหมด

พยายามที่จะดำเนินการให้ทุกอย่างรวบรัดทุกอย่างให้เสร็จก่อนที่จะหมดอำนาจในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งมิใช่เฉพาะเพื่อรับกับโครงสร้างใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโผใหญ่อีกชุดหนึ่ง โดยไม่ให้ ผบ.ตร.คนใหม่เข้ามายุ่งเกี่ยว

นี่คือจุดหนึ่งที่นายกฯดูจะไม่พอใจมาก

เพราะเห็นว่าเป็นการรวบรัดตอน ซึ่งจะทำให้การแต่งตั้งไม่เป็นธรรม  มีการเล่นพวกเล่นพ้อง  และคงมั่นใจลึกๆว่าน่าจะหวังผลทางการเมืองด้วยการวางตัวบุคคลเอาไว้เป็นฐาน เนื่องจากตำรวจนั้นเป็นกลไกสำคัญของฝ่ายการเมืองในการเสริมอำนาจ

ตำรวจไทยนั้นทำได้ทุกอย่าง เว้นแต่ภารกิจของตัวเองเท่านั้น

หรือแม้แต่ข่าวที่ออกมาว่ามีการ "รับเงิน" เพื่อให้เข้าสู่ตำแหน่งตามที่ปรารถนาได้  ซึ่งเรื่องนี้แม้จะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน  แต่ดูเหมือน ว่านายกฯจะเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จึงต้องเสี่ยงเข้าไปล้วงลูกเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น  แม้จะรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ พล.ต.อ.พัชรวาท
ไม่ใช่ธรรมดา  อย่างน้อยก็มีพี่ชาย  กองทัพ  และพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเป็นแบ็กอัพให้ก็ตาม

เหตุแห่งเหตุมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ...แม้จะขัดใจผู้จัดการรัฐบาลก็ตาม.

...