“มาร์ค” บี้รัฐคิดให้ดีเลิกกองทุนน้ำมัน อาจเจอเงินเฟ้อไม่รู้จบ ฟันธงรัฐจ้องลอยตัวก๊าซหวังกำไรธุรกิจพลังงาน จับโกหก “พลังงาน” อ้างมั่วเหตุยกเลิกกองทุนร่วมประชาคมอาเซียน ตอกรัฐเลือกดูแล ปตท. มากกว่าปกป้องประชาชน...
เมื่อเวลา 13.45 น. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวถึงการปรับราคาของพลังงานน้ำมันและก๊าซหุงต้มที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนแนวคิดในการยกเลิกกองทุนน้ำมันของรัฐบาลว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลควรให้ความใส่ใจ เพราะหากเกิดมีการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มครัวเรือนขึ้นไปอีก หรือประกาศลอยตัว จะทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระสูงขึ้นเป็นเท่าตัว จึงจะกระทบต่อประชาชนในภาคครัวเรือนและเศรษฐกิจในภาพรวมด้วย เมื่อถามว่า รมว.พลังงานระบุชัดเจนว่า จะประกาศให้มีการลอยตัวก๊าซหุงต้มในเดือนตุลาคมนี้ โดยจะยกเลิกกองทุนน้ำมันไปด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งนี้จะทำให้เกิดปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้นและเกิดเงินเฟ้อไม่รู้จบ เพราะขณะนี้น้ำมันก็ขึ้นราคาเกือบทุกสองสัปดาห์อยู่แล้ว หากเป็นเช่นนี้ก็จะเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจที่จะเริ่มฟื้นตัวจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อปีกลายอีก
เมื่อถามย้ำว่า ก่อนที่รัฐบาลจะยุบกองทุนน้ำมันรัฐบาลควรมีคำตอบในเรื่องนี้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดิมทีตอนที่รัฐบาลนี้หาเสียงว่าจะยกเลิกกองทุนนน้ำมัน หมายถึงจะเป็นการลดภาระให้ประชาชน แต่ขณะนี้กลายเป็นว่ารัฐบาลจะไม่ใช้กองทุนน้ำมันในการช่วยเหลือประชาชนเหมือนที่ผ่านมา ความจริงการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันให้อยู่ในภาวะไม่ขาดทุนสามารถทำได้ แต่ต้องลงในรายละเอียดว่า โครงสร้างของพลังงานแต่ละตัวจะมีนโยบายอย่างไร แต่รัฐบาลนี้กลับไม่ใส่ใจ ตนเข้าใจว่ารัฐบาลอยากจะลอยตัวก๊าซและมีเป้าหมายที่จะคำนึงถึงเรื่องของผลกำไรของธุรกิจพลังงานมากกว่า ซึ่งในวันหน้าอาจจะมีเรื่องการขายรัฐวิสาหกิจ หรือมีกรณีที่จะไปร่วมลงทุนกับเอกชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการยกเลิกกองทุนน้ำมันจริง จะกระทบต่อการอุดหนุนพลังงานทดแทนอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โครงสร้างด้านพลังงานต่างๆ ก็จะกระทบหมด เท่ากับว่าเราขาดเครื่องมือในการดูแล 2 กลุ่ม คือ 1. สินค้าที่มีความจำเป็นสำหรับประชาขน 2. กลุ่มพลังงานทดแทนที่เราต้องการส่งเสริมสนับสนุน เพราะที่ผ่านมากองทุนน้ำมันดูแลเรื่องเสถียรภาพของราคา และช่วยแบ่งเบาภาระสินค้าของประชาชนที่จำเป็น และใช้เป็นแรงจูงใจในพลังงานทดแทน การยกเลิกทั้งหมดจะทำให้เป้าหมายไม่ได้รับการดูแล เมื่อถามต่อว่า ข้ออ้างว่าที่ต้องทำเพราะต้องเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่จริง เพราะข้อเท็จจริง ภาษีในประเทศของสินค้าบางตัว ไม่เท่ากันอยู่แล้ว และการใช้พลังงานในการขนส่งก็สามารถตรวจสอบได้ง่าย
เมื่อถามย้ำอีกว่า หากมีการขยับราคาก๊าซหุงต้มต่อถังไปที่เกือบ 600 บาท ประชาชนจะรับไหวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะเราเคยคำนวณดูแล้ว ต้นทุนที่แท้จริง หากคำนวณให้ดีใช้ตามหลักค่าความร้อนและหลักวิทยาศาสตร์ในการแยกก๊าซ คิดว่า ราคาขณะนี้ก็ไม่ได้ต่ำเกินไป ถ้าปรับก็ควรปรับขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ใช่การประกาศลอยตัว เมื่อถามอีกว่า นโยบายเรื่องนี้ ปตท.หรือประชาชนเป็นผู้ได้ประโยชน์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ชัดเจนว่ารัฐบาลเลือกที่จะดูแล ปตท.มากกว่าดูแลประชาชน และแสดงออกมาตลอดเวลา แน่นอนว่าจะทำให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเป็นต้นทุนพื้นฐานทั้งหมด ทำให้เกิดเงินเฟ้อ เกิดปัญหาตามมา ตลอดจนการเก็งราคาต่างๆ ก็จะเกิดปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนกรณีที่อธิบดีกรมธนารักษ์ ออกมาระบุว่า จะมีการผลิตเหรียญ 20 บาท ออกมาใช้ในตลาด แสดงให้เห็นว่าค่าเงินของไทยถูกลงใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบแนวคิดนี้ แต่สิ่งสำคัญรัฐบาลต้องเร่งดูปัญหาสินค้าราคาแพงให้เร็วที่สุด ซึ่งผลสำรวจล่าสุดของเอแบคโพลระบุว่า 60% ยังไม่เห็นการแก้ไขปัญหาสินค้าแพงของรัฐบาล ก็ไม่มีจริงๆ กลับมีแต่นโยบายซ้ำเติม ยกเว้นเรื่องของธงฟ้า
...