แทบไม่น่าเชื่อ! การที่นายกรัฐมนตรี เพียงเลือกที่จะไม่ยอมตอบคำถาม ว่า ไปหารืออะไรกับกลุ่มนักธุรกิจ ที่ รร.โฟร์ซีซั่น จะกลับกลายเป็นประเด็นใหญ่ทางการเมืองที่จบไม่ลง และทำท่าจะลุกลามบานปลายไปสู่ประเด็นการเมืองอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลเพื่อไทย อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ล่าสุด ยังลามไปถึงกรณีการเลื่อนประกาศประเมินราคาที่ดินใหม่ทั่วประเทศของ กรมธนารักษ์ ไปอีก 6 เดือน ซึ่งยังถูกโยงเข้ามาเป็นประเด็นการเมือง ที่ต้องยอมรับว่ามีความน่าสนใจ...
แล้ว กรณี ว.5 นายกฯ ปู ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น บนชั้น 7 ก็บานทะโรค ไม่หุบจริงๆ เมื่อ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษก ปชป.ได้ที ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ แผนบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปแอบพบกับกลุ่มนักธุรกิจอาจจะเชื่อมโยงกับแผนบูรณาการเรื่องน้ำของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน (กยน.) หรือไม่?
"นั่นเพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เคยระบุพื้นที่รับน้ำที่ชัดเจน นอกจากนี้ โครงการบ้านของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และโครงการของบริษัทแสนสิริไม่ได้มีอยู่ใน กทม.เท่านั้น จึงน่าสงสัยว่า ที่ยังไม่ประกาศพื้นที่รับน้ำ เพราะยังตกลงให้เป็นประโยชน์ร่วมกันของรัฐบาล ผู้ทำธุรกิจกับรัฐไม่ได้ใช่หรือไม่? นอกจากนี้ การจะระบุพื้นที่ตรงไหนเป็นพื้นที่รับน้ำ เป็นไปตามความถูกต้องของระบบนิเวศหรือไม่ เพราะถูกตั้งโจทย์ให้เอาเศรษฐกิจเป็นตัวตั้ง" โฆษก ปชป. กล่าว
...
นอกจากนี้ นายชวนนท์ ยังคงจัดหนักต่อไปอีกว่า รัฐบาลมีคำพูดชวนเชื่อหลายเรื่อง เช่น กรณีที่นายกฯ พูดเรื่องการฟื้นป่าต้นน้ำหลายล้านไร่ ภายใน 3 เดือน ให้เป็นพื้นที่ต้นน้ำป้องกันน้ำป่าได้ และแผนการควบคุมการใช้ที่ดิน วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ที่ขาดรายละเอียดและผู้รับผิดชอบแผน ทั้งเรื่องการสร้างพื้นที่ปิดล้อมของนิคมฯ ก็ยังไม่มีความชัดเจน ทั้งเรื่องการให้เงินงบประมาณ ระเบียบรองรับ และผลกระทบที่จะเกิดกับชุมชนโดยรอบ ในการแก้ไขเยียวยา รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดกับเกษตรกรทั่วประเทศที่จะโดนน้ำท่วม รัฐบาลได้มีการประเมินหรือไม่ว่า พื้นที่เกษตรส่วนใดจะได้รับผลกระทบบ้าง ได้มีการปรับปรุงทิศทางการบริหารการเกษตร ควบคู่กับนโยบายการบริหารจัดการน้ำ หรือไม่? สิ่งเหล่านี้นายกฯ ไม่เคยพูดถึง เพราะยังไม่ได้คำตอบจากเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ หรือเปล่า?
เรียกว่าจัดหนักกันเลยทีเดียว สำหรับพรรคฝ่ายค้าน อย่าง ปชป. ที่แปรสภาพ กรณี ว.5 นายกฯ ปูให้กลายเป็นหอกใช้ทิ่มแทงศัตรูทางการเมือง
แม้ก่อนหน้านี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง จะชี้แจงเพื่อดับกระแสดังกล่าว โดยระบุว่า ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอ ว.5 เพื่อเดินทางไปที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์นั้น ก็เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และตนเองก็อยู่ตรงนั้นด้วย ส่วนการที่บุคคลสำคัญเหล่านั้น ไม่เดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะคงไม่อยากถูกมองว่า มาเอาใจช่วยรัฐบาล คนที่ไม่ชอบรัฐบาลนี้อาจพาลไม่ชอบใจเอาได้
แต่ต้องยอมรับว่า ความพยายามดังกล่าวก็แทบไม่มีผล เพราะตอนนี้สังคมไม่ได้สนใจว่า นายกฯ จะเดินทางไปพบกับใคร ทำอะไรที่ไหน แต่ที่สนใจ คือ นายกฯ กับกลุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของเมืองไทย ได้หารือกันในเรื่องใดมากกว่า...
เรื่องดังกล่าวยังถูกตอกย้ำ จากคำให้สัมภาษณ์ของ นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ ที่เปิดเผยกับทีมข่าว ไทยรัฐออนไลน์ เกี่ยวกับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกต โดยอ้างว่า กรมธนารักษ์เลื่อนปรับราคาประเมินที่ดินใหม่ออกไป 6 เดือน อาจมีความเชื่อมโยงกับกรณีนักธุรกิจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ที่ไปปรากฏตัวที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น
โดย นายนริศ ยืนยันว่า การเลื่อนการประกาศเกี่ยวกับราคาประเมินที่ดินใหม่ ออกไปอีกเป็นเวลา 6 เดือนนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองแต่อย่างใด แต่มีเหตุผลมาจากการรอดูเส้นทางน้ำต่างๆ เนื่องจากจะมีการทำฟลัดเวย์เกิดขึ้น ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนในจุดที่จะดำเนินการ เพราะฉะนั้นเพื่อให้เกิดความยุติธรรม จึงต้องรอความชัดเจนในเรื่องของฟลัดเวย์ก่อน ว่าจะเกิดขึ้น ณ จุดไหน เนื่องจากผลกระทบจากการประกาศพื้นที่ทำฟลัดเวย์นั้น อาจจะกระทบทุกคน
"ดังนั้น เพื่อไม่ให้ภาระเกิดกับประชาชน อันเนื่องจากค่าธรรมเนียม ค่าภาษีที่ดินต่างๆ จึงเลื่อนการประกาศออกไป ให้มีความชัดเจนก่อน ซึ่งเหตุผลทั้งหมดมีเพียงเท่านี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น " อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าว
คำสัมภาษณ์ดังกล่าว มีออกมาหลังจากมีข่าวโจมตีและตั้งข้อครหารัฐบาล ดังออกมาจากฝ่ายตรงข้าม ว่า ที่กรมธนารักษ์มีคำสั่งให้เลื่อนการประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ออกไปทั่วประเทศ โดยเฉลี่ยที่ดินจะมีราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากที่ต้องประกาศในวันที่ 1 ม.ค. 2555 ที่ผ่านมา ไปอีกเป็นเวลา 6 เดือนนั้น เนื่องจากต้องการเอื้อประโยชน์ให้กับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ๆ ทั้งที่อาจมีที่ดินเป็นจำนวนมากในบริเวณดังกล่าว ที่เกรงว่าอาจถูกกำหนดให้อยู่ในแนวฟลัดเวย์ จะได้รีบขายออกไป หรืออาจเป็นได้ในกรณีที่กลุ่มทุนจะได้เข้าไปกว้านซื้อที่ดินที่ถูกกำหนดให้อยู่ในแนวรับน้ำ เพื่อขายต่อให้กับรัฐบาลแล้วฟันกำไรส่วนต่างอีกทอดหนึ่ง
เรื่องทั้งหมดแท้จริงแล้ว ข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นไร สุดท้ายคงไม่มีใครทราบ นอกจากตัวละครตามท้องเรื่อง แน่นอนก็คือนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และอีกฝ่ายคือกลุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ของเมืองไทย นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน แห่งบริษัทแสนสิริ ที่จะเป็นผู้ไขปริศนานี้ได้ ก็อยู่ที่ว่านายกฯ จะยอมตอบคำถามหรือไม่ แต่ถ้าให้ทายถึงตอนนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะอย่างไรก็คงไม่ยอมบอกเป็นแน่...แต่จะเป็นด้วยเหตุผลอะไร ก็คงไม่อยากจะไปคาดเดา ก็อยู่ที่นายกรัฐมนตรีหญิงจะเป็นผู้เลือก ว่าจะเปิดเผยต่อสาธารณชน หรือจะปล่อยให้หายไปกับสายลม...แต่ทั้งนี้ ถ้าจะไม่เป็นการหลอกตัวเองจนเกินไป ที่ผ่านมาก็พิสูจน์ได้แล้วว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลคงเลือกอย่างหลังมากกว่า...
