เลขาฯ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงติวเข้มนายกฯ แก้บุกรุกป่าขณะลงตรวจงานดอยตุง แนะอย่าหลงกลฝรั่งทิ้งเพื่อนบ้านพม่าด้าน "สุเมธ ตันติเวชกุล" ปัด ลาออกจาก กยน.แค่ข่าวลือ

วันที่ 14 ม.ค. ที่หอแห่งแรงบันดาลใจโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจราชการที่ จ.เชียงราย ด้วยรถตู้ ยี่ห้อโฟล์กสวาเกน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฮฉ 7828 กรุงเทพมหานคร โดยมี ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. รอให้การต้อนรับ

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับฟังบรรยายสรุปเรื่อง “ปลูกป่า ปลูกคน” และโครงการขยายผลการพัฒนาทางเลือกในการดำรงชีวิตที่ยั่งยืนจาก ม.ร.ว.ดิศนัดดา โดยใช้เวลา ประมาณ 1  ชั่วโมง  ม.ร.ว.ดิศนัดดา กล่าวว่า ในวันนี้ป่าเหลือ 33% การแก้ไขปัญหา ต้องทำทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเฉพาะการปลูกป่า ทั้งหมดอยู่ที่คน เพราะคนเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง เรื่องนี้ต้องจัดการที่รากเหง้า ซึ่งอยู่ที่ 3 ประเด็น ใหญ่ๆ คือเจ็บ จน และไม่รู้ ถ้าจับจุดนี้ได้ และเข้าไปศึกษาในชุมชน รู้ว่าความต้องการเขาคืออะไร ถึงจะเดาทิศทางแก้ปัญหาถูก ถ้าเอาตัว ท่านและกฎหมายเป็นตัวตั้ง ชาติหน้าสายๆถึงจะสำเร็จ สมัยที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่ามาที่ดอยตุงใหม่ๆ มีการเผาป่าเพื่อปลูกข้าวไร่และปลูกยาเสพติด ทำไมเขาปลูก ก็เพราะเขาไม่มีกิน ถามว่าเขาผิดตรงไหน เรื่องนี้จึงต้องเข้าใจให้สุดซึ้ง

ม.ร.ว.ดิศนัดดา กล่าวว่า หลักคิดในการปลูกป่าของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ คือไม่มองการปลูกป่าเป็นเพียงการปลูกต้นไม้ หากใช้เป็นพาหะในการแก้ปัญหาความยากจนและคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ เพราะความยากจน และขาดโอกาส เพราะ ไม่มีทางเลือก เขาเลยต้องทำลายป่า การจะแก้ปัญหาอะไร รัฐบาลต้องเป็นตัวกลางและให้เจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่ชุมชนมาต่อให้ได้ ไม่เช่นนั้นมีแต่เจ๊งกับเจ๊ง เดิมในปี 2532 ดอยตุงมีป่าปลูก 1.5 หมื่นไร่ มาปี 2553 เพิ่มเป็น 2.6 หมื่นไร่ รายได้ต่อครอบครัว ปี 2532 จาก 3.3 หมื่นต่อปี มาปี 2553 เป็น 2.5 แสนบาทต่อปี การแก้ปัญหาเริ่มที่คน และต้องดูรายได้อยู่ตลอด เพราะจะเป็นตัวชี้วัดว่า โครงการจะประสบความสำเร็จหรือไม่

เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง กล่าวด้วยว่า ตนขอเสนอให้รัฐบาลประสานงานกับพม่าไว้ ไม่ว่าจะการแก้ปัญหาเรื่องบุกรุกป่า หรือเรื่องอื่นๆ แม้ที่ผ่านมาฝรั่งจะพยายามกีดกันไม่ให้เราคบกับพม่า เพราะเรามีต้องมีอาวุธสำคัญ สำหรับไทยกับพม่า ได้แก่ เรื่องอาหาร น้ำมันอีกไม่กี่ปีก็หมด แต่เรื่องอาหารยังมีความต้องการอยู่เรื่อยๆ

จากนั้นเวลา 16.00 น. ม.ร.ว.ดิศนัดดา ขับรถนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ และนายสุเมธ ขึ้นรถโฟร์วีล ยี่ห้อโตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ สีไข่ไก่ ทะเบียน กด 8888 เชียงราย เพื่อไปดูแปลงปลูกป่าเศรษฐกิจของบริษัทนวุติ ไซค์ 1 ที่อยู่บนดอยตุงทั้งนี้ เดิม น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีกำหนดการเดินทางไปที่ดอยช้างมูบ เพื่อตรวจสภาพป่าไม้บริเวณแนวชายแดนไทย-พม่า ก่อน และหลังมีโครงการพัฒนาดอยตุง แต่เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ฟ้าปิดและมีฝนตกโปรยปรายอยู่ตลอดเวลา ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตัดสินใจยกเลิกกำหนดการดังกล่าว

ต่อมาเวลา 16.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ นายสุเมธ และ ม.ร.ว.ดิศนัดดา ร่วมแถลงข่าว โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การเดินทางมาเยี่ยมดอยตุง ถือเป็นการเริ่มปฏิบัติภารกิจหลัง กยน.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฟื้นฟู และอนุรักษ์ป่าต้นน้ำที่มี ม.ร.ว.ดิศนัดดาเป็นประธาน ถือเป็นการทำความดีถวายในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80  พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยรัฐบาลจะน้อมรับพระราชเสาวนีย์ 2 เรื่องใหญ่ได้แก่ ปราบปรามยาเสพติด และปลูกป่าฟื้นฟูแหล่งน้ำไปปฏิบัติ โดยหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปลูกป่าจะเป็นการลดความต้องการยาเสพติด ช่วยหารายได้เสริมให้ชาวบ้าน ที่สำคัญจะทำให้สังคมเข้มแข็ง เราจะได้เข้าไปให้ความรู้ว่าจะทำอย่างไร ให้บ้านเมืองปลอดจากภัยยาเสพติด การปลูกป่าจึงเป็นสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมนุมตามแนวชายแดน ซึ่งจะช่วยสกัดไม่ให้ยาเสพติดรุกเข้าไปในพื้นที่ตอนใน โดยกองทัพจะประสานงานกับ ป.ป.ส.ตลอดเวลา ยืนยันว่าชนกลุ่มน้อยต่างๆไม่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาตามแนวชายแดน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทันทีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงจากรถและพบกับนายสุเมธ ที่มีข่าวว่าจะลาออกจากการเป็นที่ปรึกษา กยน. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เอ่ยปากกับนายสุเมธทันทีว่า “ออกไม่ได้นะคะ อยู่ช่วยกันก่อน” ขณะที่นายสุเมธ กล่าวว่า “เรื่องลาออก เป็นแค่ข่าวลือ น่าจะลือจากทำเนียบฯ ตราบใดรัฐบาลยังขอคำแนะนำ ผมก็จะอยู่ช่วยงานต่อไป เรื่องน้ำท่วมปีหน้าไม่ควรประมาท เพราะธรรมชาติประมาทไม่ได้“

...