สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ลงมติตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรี ประจำปี 2554 สะท้อนภาพลักษณ์ ให้รัฐบาลเป็น "ทักษิณส่วนหน้า" พร้อมตั้งฉายา น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็น "นายกฯ นกแก้ว" ขณะ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ฉายา "กุมารทองคะนองศึก"...

สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลประกาศผลการตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีที่ปฏิบัติกันมาอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของสื่อ ต่อการทำงานของรัฐบาล โดยไม่ใช่ความคิดเห็นส่วนตัวของบุคคลใดบุคลหนึ่ง แต่มาจากการร่วมกันคัดเลือกของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล โดยผลการประชุมและตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2554 มีดังนี้คือ

1.ฉายารัฐบาล : ทักษิณส่วนหน้า

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการบริหารงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่สามารถสลัดภาพว่ามีพี่ชายอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังได้ จนรัฐบาลชุดนี้เปรียบเหมือนศูนย์บัญชาการส่วนหน้าของตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องทำตามสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณ คิดและวางไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประชานิยม ที่ชูสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” หรือในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ผู้ที่มีสิทธิได้ตำแหน่ง ต่างเดินทางไปถึงดูไบ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ล่าสุด พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ไปกรุยทางให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนการเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ นอกเหนือไปจากการการันตีว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือโคลนนิ่งของตัวเอง

2.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี : นายกฯ นกแก้ว

เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้หญิงที่มีความสวย บุคลิกดี มีความความโดดเด่น คล้ายกับนกแก้วที่มีสีสันสวยงาม แต่กลายเป็นนกแก้วที่ต้องติดอยู่ในกรงทอง ไม่สามารถบินไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเอง ต้องมีพี่เลี้ยงคอยประกบดูแลอย่างใกล้ชิด บทบาทที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงต่อสาธารณชน จึงเป็นเพียงนกแก้วที่พูดตามบทที่มีคนเขียน หรือบอกให้พูดเท่านั้น และลักษณะการตอบคำถามของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มักพูดซ้ำไปซ้ำมา หรือวกวนจนไม่รู้ข้อเท็จจริงคืออะไร หลายครั้งก็พูดผิด กระทั่งตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์ในที่สุด

...

3.นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย : ทักษิโด้โชว์ห่วย

จากอดีตที่ผ่านมา นายยงยุทธเคยเป็นถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีประวัติการทำงานที่เป็นถึงอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ได้จัดตั้งรัฐบาล นายยงยุทธจึงถูกวางตัวให้รับตำแหน่งสำคัญในฐานะ รมว.มหาดไทย เพื่อตอบแทนความภักดีที่คอยดูแลพรรคในช่วงเวลาที่ตกต่ำสุดขีด แต่นอกจากการเป็นผู้ที่แต่งกายและมีบุคลิกดี คล้ายผู้ชายใส่ “ทักซิโด” เมื่อถึงเวลาแสดงผลงานกลับสอบตก “โชว์ห่วย” จนมีเสียงเรียกร้องภายในพรรคให้ปรับออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้ คำว่า “ทักษิโด้” ยังเป็นการล้อจากชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้อยู่เบื้องหลังของการได้มาซึ่งตำแหน่งของนายยงยุทธด้วยเช่นกัน

4.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี : กุมารทองคะนองศึก

กุมารทองมักสวมเครื่องทรง แทนสัญลักษณ์ของผู้มีตำแหน่งสำคัญ โดยลักษณะทั่วไปของกุมารทองคือ จะทำงานตามคำสั่งและทำเพื่อประโยชน์ของผู้เลี้ยงเท่านั้น เช่นเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิม ที่จะทำงานตามคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม ยังมักจะเป็นพรายกระซิบ คอยบอกบทของเพื่อนรัฐมนตรีระหว่างการชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร อีกทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม ยังมีความซุกซน ชอบเข้าไปเกี่ยวข้องกับหลายเรื่องที่ไม่ใช่งานในความรับผิดชอบของตัวเอง หวังเพียงสร้างประเด็นข่าว และยังมีความคึกคะนอ งพร้อมที่จะประกาศศึกกับใครก็ได้ จนบางครั้งกลายเป็นการชักศึกเข้าบ้านไป

5.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม : อินทรีหลงป่า

พล.ต.อ.ประชา มีดีกรีเป็นถึงอดีตอธิบดีกรมตำรวจ พื้นเพเป็นคนอีสาน และได้แสดงผลงานการปราบปรามสมัยสวมเครื่องแบบสีกากีอย่างโดดเด่น จนถูกขนานนามว่า เป็น “อินทรีอีสาน” แต่เมื่อเข้ามาเป็นรัฐมนตรี กลับได้รับงานที่ผิดฝาผิดตัว คืองานแก้ปัญหาน้ำท่วม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ซึ่งไม่ใช่งานที่ถนัด อีกทั้งการแก้ปัญหาดังกล่าวก็ไม่ได้ดีเท่าที่ควร หลงทิศหลงทาง ส่งผลให้ปัญหาน้ำท่วมลุกลาม ประชาชนหลายพื้นที่เกิดความขัดแย้ง กระทั่งตัว พล.ต.อ.ประชา ยังถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และถูกฝ่ายค้านยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่ง จึงเป็นที่มาของ "อินทรีหลงป่า"

6.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ : “ปึ้ง” เป้าเป๊ะ

สืบเนื่องจาก “ปึ้ง” เป็นชื่อเล่นของนายสุรพงษ์ ผู้ที่ถูกสังคมตั้งคำถามนับแต่เข้ารับตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศ ว่ามีความรู้ความสามารถเพียงพอต่อการรับตำแหน่งสำคัญนี้ได้หรือไม่ แต่ผลงานตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนผลงานนายสุรพงษ์เข้าเป้าทุกประการเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นการขอวีซ่าเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และอาศัยจังหวะชุลมุนช่วงน้ำท่วม ออกหนังสือเดินทางให้กับอดีตนายกฯ หรือแม้แต่การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวง

7. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี : ประแจปากตาย

อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้นี้ เป็นคนที่มีบุคลิกพูดน้อย มีท่าทีแข็งทื่อ หลายครั้งทำเหมือนพูดไม่รู้เรื่อง ทำให้ไม่มีบทบาทตามหน้าสื่อ หรือภายในพรรคเพื่อไทย แต่ความจริง พล.ต.ท.โกวิท เป็นตัวเดินเกมและคอยแก้ไขปัญหาให้กับรัฐบาล รวมถึงพรรคเพื่อไทยในหลายๆ เรื่อง ที่โดดเด่นคือ การกล่อมให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ย้ายจากตำแหน่ง ผบ.ตร. มาเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อเปิดทางให้กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ภรรยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เป็น ผบ.ตร. สมใจ หลังเจ้าตัวรอคอยตำแหน่งนี้มาอย่างยาวนาน

8.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ : ปุเลง..นอง

ล้อมาจากคำว่า “บุเรงนอง” ที่เป็นแม่ทัพใหญ่ในนิยาย “ผู้ชนะสิบทิศ” เช่นเดียวกับนายกิตติรัตน์ที่เป็นขุนพลด้านเศรษฐกิจ ผู้ประกาศตัวว่าจะเข้ามากู้วิกฤติให้กับประเทศ แต่การทำงานของนายกิตติรัตน์ กลับเป็นไปอย่างติดๆ ขัดๆ ไม่ราบรื่นเหมือนกับ ปุเลงๆ ไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังมีปัญหากับ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง หลายครั้งหลายหน กระทั่งเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ ทะลักเข้านิคมอุตสาหกรรมสำคัญหลายแห่ง สร้างความเสียหายมหาศาล จนท้ายที่สุด นายกิตติรัตน์ต้องน้ำตานองหน้าต่อคนทั้งประเทศ

9.นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน : ไอเดียกระฉอก

เป็นเจ้าโปรเจกต์ สารพัดคิด หลายเรื่องยังไม่ได้ข้อสรุปในที่ประชุม ก็เป็นเจ้าตัวที่ทำให้กระฉอกออกมา อย่างโครงการนิวไทยแลนด์ที่เจ้าตัวออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมกู้เงิน 9 แสนล้านบาทเพื่อมาฟื้นฟูประเทศ แต่สุดท้ายนายกรัฐมนตรีกลับปฏิเสธว่า ไม่มีโครงการดังกล่าว หลายไอเดียที่เจ้าตัวคิดออกมาดังๆ แล้วถูกติติงจากผู้รู้ว่า ไม่น่าจะนำไปปฏิบัติได้จริง เพียงข้ามวัน นายพิชัยก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ไอเดียของตน เหมือนน้ำที่กระฉอกไป กระฉอกมา หาอะไรแน่นอนไม่ได้ สุดท้ายผลงานเลยไม่เป็นไปตามเป้า

10.นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ : ขงเบ๊

“ขงเบ้ง” เป็นกุนซือคนสำคัญในเรื่อง สามก๊ก ซึ่งนายธีระเคยนำไปเปรียบเปรยในสภา ถึงปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมาว่า ต่อให้ ขงเบ้ง มาเกิดใหม่ ก็แก้ปัญหาไม่ได้ ซึ่งนอกจากนายธีระไม่ใช่คนที่คอยวางแผนให้คนอื่นปฏิบัติตามแล้ว ยังจะเป็นคนที่รับคำสั่งจาก นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งงานในกระทรวงเกษตรฯ และการบริหารจัดการน้ำ คำว่า “เบ๊” นอกจากแปลว่า ทำตามคำสั่งคนอื่นแล้ว ยังมาจากแซ่ของนายบรรหาร ที่แปลว่า “ม้า” หรือ “อาชา” ด้วย

11.นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี : ผีเจาะปลอด

เป็น รมว.วิทยาศาสตร์ฯ แต่โด่งดังจากการเตือนภัยว่าน้ำจะท่วม กทม. ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตื่นตูมเกินเหตุ แต่ท้ายสุดน้ำก็ท่วม กทม.จริงๆ นับจากนั้น นายปลอดประสพจึงมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลเรื่องน้ำ อย่างไรก็ตาม การเตือนภัยระยะหลังของนายปลอดประสพ จะเป็นไปในลักษณะให้ตื่นกลัว มากกว่าตื่นตัว ที่สำคัญด้วยบุคลิกของนายปลอดประสพที่เป็นคนพูดเก่ง แม้แต่เรื่องที่ไม่ให้พูด เปรียบเสมอ “ผีเจาะปาก” แต่สำหรับนายปลอดประสพกลายเป็น “ผีเจาะปลอด” เพราะการพูดแต่ละครั้ง มักจะทำให้คนกลัว หรือตกใจ

ส่วนวาทะแห่งปีนั้น สื่อมวลชนลงคะแนนให้ประโยคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า
“น้ำตาที่ไหลไม่ได้มาจากความอ่อนแอ ใครไม่โดนไม่รู้ มันเป็นอารมณ์ร่วม” ซึ่งเป็นคำให้สัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ ศปภ. ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกำลังเผชิญวิกฤติอย่างหนัก หลังจากไม่สามารถสกัดกั้นไม่ให้น้ำเข้ามาท่วม กทม. รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ ผลโพลต่างๆ ก็ออกมาตรงกันว่า ไม่เชื่อถือการทำงานของรัฐบาล นำไปสู่คำถามที่ว่า รัฐบาลจะสามารถประคองตนจนถึงสิ้นปีหรือไม่ ช่วงเวลานั้นไม่ว่าจะไปปฏิบัติงานที่ใด น.ส.ยิ่งลักษณ์ มักจะหลั่งน้ำตาออกมา จนหลายคนมองว่า เป็นพฤติกรรมที่สะท้อนภาวะจิตใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ไม่ได้ต้องการเล่นการเมืองมาแต่ต้น แต่ถูกพี่ชายผลักดันให้มาทวงความเป็นธรรมให้กับ ตระกูลชินวัตร แม้จะเฉไฉไปว่า ร้องให้เพราะเห็นใจประชาชน ก็ตาม.