เมื่อวานนี้ผมเขียนถึง "อนาคตอาเซียน อนาคตประเทศไทย" ซึ่ง  นายกฯอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ไปพูดในเวทีรัฐมนตรีต่างประเทศ อาเซียนที่ภูเก็ต  ตอกย้ำว่าปี  2558  อีก 6 ปีข้างหน้า  "10 ชาติอาเซียน" จะรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวเป็น  "ประชาคมอาเซียน"  แบบเดียวกับ "ประชาคมยุโรป"

ผู้คน เงินทอง แรงงาน เงินทุน ธุรกิจการค้า จะไหลเข้าออกในสิบประเทศอย่างอิสรเสรีเหมือนเป็นประเทศเดียวกัน

ที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป  ไทยจะต้อง  ลดภาษีนำเข้าข้าว  ลงมา  เหลือ 0 เปอร์เซ็นต์  เพื่อ เปิดทางให้ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนที่ปลูกข้าว  นำข้าวเข้ามาขายใน ประเทศไทยได้อย่างเสรีและไทยก็สามารถนำข้าวไปขายในประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างเสรีเหมือนกัน

ฟังดูเหมือนดี แต่ผมกลับรู้สึกเป็นห่วงชาวนาไทยเป็นอย่างยิ่ง

ทุกวันนี้ชาวนาไทยปลูกข้าวสู้ชาวนาเวียดนามไม่ได้ ต้นทุนปลูกข้าวก็แพงกว่าชาวนาเวียดนาม ผลผลิตต่อไร่ก็ได้น้อยกว่าชาวนาเวียดนาม เพราะไม่ได้รับการส่งเสริมพัฒนาพันธุ์ข้าวและปุ๋ยจากรัฐบาล  ตลาดส่งออกข้าวไทยก็ถูกข้าวเวียดนามตีกระเจิง เพราะข้าวเวียดนามราคาถูกกว่าข้าวไทย

ชาวนาไทยยังต้องปลูกข้าวตามยถากรรม พึ่งเทวดารอความเมตตาจากฝนฟ้า  เพราะระบบชลประทานไม่ทั่วถึง  ชาวนากว่าครึ่งไม่มีที่นาของตัวเอง และ มีหนี้สินล้นพ้นตัวจากต้นทุนการปลูกที่เพิ่มขึ้นทุกปี  จนมีคำล้อเลียนว่า  "ปลูกข้าวนาปรังเหลือแต่ซังกับหนี้ ปลูกข้าวนาปีเหลือแต่หนี้กับซัง"  ไม่เคยได้ลืมตาอ้าปากเสียที

ข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ ก็ถูกพ่อค้ากดราคารับซื้อเดือดร้อนกันทุกปี จนมีนักการเมืองหัวใสมองเห็นช่องทางได้ประโยชน์ 2 ต่อ  ประกาศใช้นโยบาย  "รับจำนำข้าวในราคาสูง"  แล้วนำไป  "ประมูลขายพ่อค้าข้าวในราคาต่ำ" ให้รัฐบาลรับภาระขาดทุนปีละหลายหมื่นล้านบาท ได้ทั้งเงินทั้งกล่อง

แต่จากนี้ไปชาวนาไทยคงไม่ได้ขายข้าวสบายแบบนั้นอีกแล้ว  เมื่อ  นายกอร์ปศักดิ์  สภาวสุ  รองนายกฯ เศรษฐกิจ  ประกาศเปลี่ยนนโยบายรับจำนำเป็นประกันราคาแทน  เพื่อให้กลไกตลาดทำงาน  ชาวนาไทยที่ไม่เคยได้ตั้งตัวก็ยิ่งสิ้นหวัง

เมื่อไทยเปิดให้นำเข้าข้าวเสรีวันที่ 1 มกราคมปีหน้า โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า  ตามข้อตกลงอาฟต้า  ผมเชื่อว่า  ข้าวเวียดนาม  เขมร ลาว  พม่า  จะถูกส่งเข้ามาตีตลาดข้าวไทยในประเทศไทยอย่างแน่นอน แถมขายได้ราคาดี

ทุกวันนี้ก็มี  "ข้าวหนีภาษี"  จากประเทศเพื่อนบ้าน  พม่า  ลาว  เขมร ที่มีนักลงทุนไทยผสมนักการเมืองไปลงทุนปลูกไว้  เรียกกันโก้ๆว่า  คอนแท็ค ฟาร์มมิ่ง ลักลอบเข้ามา "สวมสิทธิจำนำ" รับเงินจากรัฐบาลแทนชาวนา ไทยผู้ยากจนอยู่แล้ว เมื่อเปิดให้นำเข้าเสรี ชาวนาไทยก็จะยิ่งเสียเปรียบข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านยิ่งขึ้น

ปกติข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์  ที่ขายในประเทศเวียดนาม  กัมพูชา ก็มีราคาถูกกว่าข้าวไทยตันละ 3-4 พันบาทอยู่แล้ว  ถ้านำเข้ามาขายได้อย่างเสรีในราคาที่ถูกกว่าข้าวไทย  ผมว่าประชาชนทั่วไปจะหันไปซื้อข้าวนำเข้าแน่นอน แม้แต่ชาวนาไทยเองก็อาจจะไปซื้อข้าวนำเข้ามากินแทนข้าวที่ปลูกเองก็ได้  เพื่อความประหยัด  เพราะ มีราคาถูกกว่า

แล้วอนาคตชาวนาไทยและข้าวไทยจะเป็นอย่างไร ผมไม่กล้าคิด

ที่ผมรู้สึกเป็นห่วง เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบต่อชาวนาไทยหลายสิบล้านคน มีผลกระทบต่ออนาคตประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก เหลือเวลาอีกเพียง 5 เดือนกว่าเท่านั้น  แต่ รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  ยังไม่มีมาตรการอะไรเลยที่จะรองรับ หรือแก้ปัญหาให้กับชาวนาไทยหลายสิบล้านคน เห็นทีคราวนี้ "ชาวนาไทย" คงได้ "ขายนา" ให้ "แขกอาหรับ" เสียแล้ว.

"ลม เปลี่ยนทิศ"

...