เมื่อเช้าวันจันทร์ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปเป็นประธานเปิดการประชุม รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 ที่ จังหวัดภูเก็ต และบ่ายวันนี้ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็จะเดินทางไปร่วมประชุมด้วยในฐานะประเทศคู่เจรจาของอาเซียน
เรื่องราวที่น่าสนใจจากปาฐกถาของ นายกฯ มาร์ค ในพิธีเปิดก็คือ อนาคตของกลุ่มประเทศอาเซียนใน ค.ศ. 2015 หรือ พ.ศ. 2558
นายกฯอภิสิทธิ์วาดฝันถึง อนาคต 10 ประเทศอาเซียนในปี 2015 หรืออีก 6 ปีข้างหน้าว่า จะเป็นชุมชนที่ติดต่อเชื่อมโยงกัน หมายถึง สินค้าและประชาชนจะเชื่อมโยงกัน การลงทุนและนวัตกรรมใหม่ๆ สามารถเดินทางไปมาอย่างไม่มีอุปสรรคทั่วทั้งภูมิภาค จาก สุมาตรา ถึง ลูซอน จาก สามเหลี่ยมปากแม่นํ้าอิรวดี ถึง สามเหลี่ยมปากแม่นํ้าโขง ในฐานะเศรษฐกิจอาเซียนทั้งตลาดและฐานผลิตเดียวกัน
เส้นทางคมนาคมจะมีการเชื่อมโยงทั่วภูมิภาค ไม่ว่าเส้นทางเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก หรือเหนือ-ใต้ การคมนาคมทางนํ้า การเชื่อมโยงทาง อากาศผ่านสนามบินทั้งภูมิภาค
ภายใต้ภูมิภาคอาเซียนจะต้องปลอดจากวีซ่า การเดินทางเข้า มาจากนอกภูมิภาคอาเซียนสามารถขอใช้วีซ่าเดียวกันได้
ประชาชนอาเซียน จะต้องได้รับโอกาสในการพัฒนาอย่างเหมาะสมเท่าเทียมกัน มีการส่งเสริมและลงทุนด้านการศึกษา การเรียนรู้ตลอดชีวิต และสร้างศักยภาพของคนเป็นการลงทุนระยะยาว ถือเป็นจุดเปลี่ยนในกระบวนการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน
สิ่งที่เราใฝ่ฝันคือ อยากให้ภูมิภาคของเรา ซึ่งประกอบไปด้วยผู้คนที่หลากหลาย มีความศรัทธาและความเชื่อที่แตกต่างกัน แต่ก็สามารถอยู่ ร่วมกันได้อย่างกลมเกลียว โดยชื่นชมและเคารพในความแตกต่างทางวัฒน-ธรรม ซึ่งเป็นมุมมองใหม่สำหรับการนำไปสู่ความสันติสุขและเจริญรุ่งเรือง
เห็นฝันของ นายกฯ อภิสิทธิ์ ในเวทีรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนแล้ว ผมก็อยากให้ฝันนั้นเป็นจริง ผู้คน 10 ชาติกว่า 500 ล้านคน แตกต่างในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ แตกต่างในเชื้อชาติ แตกต่างในศาสนาและวัฒนธรรม แต่กลับมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว คือ "ประชาชนอาเซียน" แห่ง "ประชาคมอาเซียน" เหมือน "ประชาชนยุโรป" ใน "ประชาคมยุโรป" ที่รวมตัวกันสำเร็จมาก่อนหน้านี้
ความฝันนี้จะเป็นจริง ก็ต่อเมื่อเราสามารถทำให้ผู้ที่มีความแตกต่างในความเชื่อและศรัทธา สามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยยอมรับความเชื่อและความศรัทธาที่แตกต่างกัน แต่ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
ผมเห็นความฝันของ นายกฯ อภิสิทธิ์ ที่มีต่อประชาคมอาเซียนแล้ว ก็ต้องหันกลับมาดูประเทศไทย หนึ่งในสมาชิกประชาคมอาเซียน แม้จะเป็นคนชาติเดียวกัน มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมเดียวกัน แต่มี "ความเชื่อ" และ "ศรัทธา" ที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ผู้คนในบ้าน เมืองแตกแยกเป็นสองฝ่าย จนบัดนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถสมาน รอยแตกนี้ให้เชื่อมสนิทเป็นหนึ่งเดียวกันได้
อีก 6 ปี เมื่อคนอาเซียน 500 กว่าล้านคน รวมตัวเป็นคนในประชาคมเดียวกัน แล้วคนไทย 64 ล้านคน จะสามารถกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวเหมือนอาเซียนได้หรือไม่ เป็นการบ้านข้อใหญ่และยาก ที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ จะต้องไปหาทางทำให้สำเร็จ
การรวม 10 ชาติอาเซียนเป็นหนึ่งเดียว แม้จะมีข้อดีในเรื่องอำนาจการต่อรองระหว่างภูมิภาค แต่ในทางปฏิบัติข้อเสียก็มีมาก ประเทศเจริญกว่า เศรษฐกิจเข้มแข็งกว่า ย่อมได้เปรียบประเทศที่เจริญ น้อยกว่า เศรษฐกิจอ่อนแอกว่า ยุโรปเป็นตัวอย่างมาแล้ว ไปถามดูได้ คนในประเทศที่ด้อยกว่าเจ็บปวดแค่ไหนกับการรวมยุโรป ผมได้แต่ หวัง 6 ปีจากนี้ไป ไทยจะเตรียมความพร้อมให้แข็งแกร่งพอที่จะไม่ให้ คนไทยและเกษตรกรไทย ต้องเสียเปรียบและเจ็บปวดจากการรวมกลุ่มอาเซียน เหมือนคนจนหลายประเทศในยุโรปที่เจอมาแล้ว.
"ลม เปลี่ยนทิศ"
...