ขบวนช่วยน้ำท่วมหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเข้าไปไม่ถึงนวนคร เหตุประชาชนที่พักอาศัยแตกตื่นจากประกาศอพยพคนของศปภ. ชาวบ้านผู้ประสบภัยตะโกนลั่น "อภิสิทธิ์อย่าทิ้งรังสิต" เจ้าตัวย้ำสถานการณ์วิกฤติ จำต้องใช้พรก.เพิ่มจุดอพยพเร่งด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ต.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะได้เดินทางไปยังเขตนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี เพื่อเยี่ยมชมการทำงานของศูนย์อำนวยการป้องกันน้ำท่วมในนิคมฯ และดูความพร้อมในการรับมือ แต่ยังไม่ทันถึงที่หมายก็ต้องยกเลิกกลางคัน เนื่องจากระหว่างเดินทางเกือบถึงทางเข้านิคมฯ ได้เกิดเหตุการณ์คันกั้นน้ำพัง จนทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ประชาชนจากการอพยพออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน ทำให้ถนนที่เคยเป็นทั้งทางเข้าและทางออก กลายเป็นทางออกอย่างเดียว รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้
ระหว่างนั้นทีมงานของนายอภิสิทธิ์ได้ประสานไปยังผู้บริหารของนิคมนวนคร ก็ได้รับการยืนยันว่า อยากให้เข้ามาดูในนิคมดังกล่าว ทางคณะจึงได้เคลื่อนขบวนไปเข้าถนนอีกเส้นหนึ่ง แต่ปรากฏว่าไม่สามารถฝ่าความโกลาหลของประชาชนและการจราจรที่ติดขัดได้ จึงต้องยกเลิกในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะของนายอภิสิทธิ์จึงเปลี่ยนแผนเดินทางไปยังจุดที่สองแทน คือ บริเวณหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ต.ประชาธิปัตย์ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีประชาชนเกือบ 200 คน กำลังช่วยกันทำแนวคันดินกั้นพื้นที่โดยรอบอย่างเร่งด่วน ระหว่างนั้นเมื่อชาวบ้านที่เห็นนายอภิสิทธิ์ได้ตะโกนว่า “นายอภิสิทธิ์อย่าทิ้งรังสิต” โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างไม่มั่นใจในคันกั้นดินดังกล่าวว่า จะสามารถรับมือระลอกน้ำที่เชี่ยวกราก เพราะนอกจากจะต้องเผชิญกับน้ำที่เอ่อรอบนอกแล้ว ยังประสบปัญหาน้ำซึมจากใต้ดินขึ้นมาอีกด้วย และบริเวณชุมชนดังกล่าวหลายพื้นที่จมน้ำมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว โดยในระหว่างที่คณะนายอภิสิทธิ์เข้าไปเยี่ยมพื้นที่ ยังมีประชาชนทยอยกันขนสิ่งของเพื่ออพยพหนีน้ำตลอดเวลา จากนั้นคณะได้เดินทางไป รร.ประชาธิปัตย์ เพื่อมอบอาหารแห้งและถุงยังชีพให้ผู้อพยพ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงเหตุการณ์อุตสาหกรรมนวนครจมน้ำครั้งนี้ว่า ถือเป็นบทเรียนการสื่อสารของภาครัฐที่ต้องมีการปรับปรุงให้ชัดเจนในเรื่อง การเตือนภัยล่วงหน้า และต้องปรับปรุงการประเมินสถานการณ์ที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งอยุธยา ปทุมธานี ได้แสดงให้เห็นว่า ต้องระวัง นอกจากน้ำทะลักจากที่ต่างๆแล้ว ยังมีปัญหาปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้มีความเป็นห่วงพื้นที่ย่านรังสิต โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมในการแจ้งชุมชน ซึ่งการทำแนวป้องกันต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ให้ข่าวว่าพ้นวิกฤติปลอดภัยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังเกิดเหตุการณ์ภาคเอกชนคงมีการตื่นตัวสูงในการป้องกันเหตุ แต่ภาครัฐต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการรับมือกับปัญหา และประกาศให้เห็นแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไร รวมถึงการเพิ่มจุดอพยพคน เช่น ที่คลังสินค้าที่ดอนเมือง ซึ่งสามารถจัดให้เป็นจุดรองรับใหญ่ให้ผู้อพยพได้อีก และเคยเสนอต่อนายกฯไปแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด และมีความเป็นห่วงศูนย์อพยพที่ ม.ธรรมศาสตร์รังสิต ที่ถูกน้ำล้อมรอบทุกด้าน ซึ่งรัฐบาลควรเตรียมการให้คลังสินค้าที่ดอนเมืองเป็นจุดรองรับคนล่วงหน้าด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่นิคมอุตสาหกรรมนวนครจมน้ำเกิดหลังจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ. ได้ยืนยันรับประกันว่า นิคมอุตสาหกรรมนวนครจะรอดจากน้ำท่วม แต่ไม่ถึงชั่วโมงก็แตก จะกระทบต่อความเชื่อถือต่อ ศปภ.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเพราะประเมินธรรมชาติต่ำเกินไป คิดว่ามีพนังกั้นน้ำก็สามารถดูแลได้ โดยในระหว่างที่ตนเดินทางซึ่งเกิดเหตุการณ์แล้ว ทางผู้บริหารของนิคมฯยังบอกว่า หากนำตู้คอนเทนเนอร์ไปหย่อนลงไปได้ ก็จะแก้ปัญหาได้ แต่ที่สุดก็เอาไม่อยู่ ซึ่งรัฐบาลต้องสื่อสารแจ้งข่าวไปตามความเป็นจริง และจำเป็นยิ่งที่ต้องมีแผนสำรอง ซึ่งการสื่อสารในภาวะวิกฤติ ทาง ศปภ.ต้องบริหารได้อย่างเบ็ดเสร็จ และต้องตัดสินใจไปในทิศทางเดียวกัน แต่ขณะนี้ยังมีความสับสนเพราะสื่อสารยังขัดกันเอง
“ศปภ.ต้องปรับปรุงและเป็นหลักให้ได้ เพราะมีสื่อมวลชนเป็นเครื่องมือสื่อสารอยู่แล้ว ซึ่งกรณีของนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ หากมีการเตือนล่วงหน้าก็น่าจะทำให้ความเสียหายน้อยลง ทั้งนี้ รู้สึกเห็นใจในพื้นที่ ที่ต้องต่อสู้กับน้ำ โดยเฉพาะหน่วยงานท้องถิ่นที่กำลังทำงานอยู่ ซึ่งส่วนกลางควรจะต้องประสานใกล้ชิดให้การชี้แนะ เพราะความขัดแย้งในพื้นที่ต้องมีคนที่ตัดสินใจได้ ไม่ใช่โยนให้เป็นภาระของหน้างานในพื้นที่เท่านั้น เนื่องจากในแต่ละพื้นที่ก็จะคิดกรอบของตัวเอง ขณะที่พื้นที่ข้างเคียงก็ไม่ยอมได้รับผลกระทบ จึงเป็นหน้าที่ส่วนกลางต้องเข้ามามีบทบาทตัดสินใจ หากประชาชนมีความเข้าใจในการรักษา ภาพรวม การแก้ปัญหาก็จะง่ายขึ้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็ชัดเจนแล้วว่า หลายพื้นที่ที่ต้องการให้น้ำท่วมเสมอภาคกัน สุดท้ายก็ยากลำบากหมด และการแก้ปัญหาก็ยากมากขึ้น ไม่มีใครที่ได้ประโยชน์เลย ซึ่งนายกฯในฐานะเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ก็ต้องมีบทบาทในการสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้นอีก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่นายกฯมอบหมายให้กองทัพไทยเป็นผู้บริหารสถานการณ์ ใน 5 จังหวัดที่วิกฤติน้ำท่วม แต่ไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า “ผมได้บอกไปหลายครั้งแล้วว่า รัฐบาลไม่ควรลังเลในเรื่องภาพลักษณ์ที่จะใช้กฎหมายพิเศษในการจัดการเพราะมี ความจำเป็น เพราะน้ำที่ทะลักเข้ามาบริเวณจุดรอยต่อบริเวณปริมณฑลและกรุงเทพฯ มีความขัดแย้งหลายจุดต้องจัดการให้ชัดเจน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลต้องตัดสินใจ เพราะหากจะอ้างเหตุผลเพียงภาพลักษณ์คงฟังไม่ขึ้น เพราะชาวโลกรับรู้จากเหตุที่เกิดขึ้นจริง อะไรที่จำเป็นเพื่อชีวิตประชาชนต้องทำ และเชื่อว่าสถานการณ์ขณะนี้ประชาชนรับได้ และเชื่อว่าหลังได้รับมอบหมายให้ทางกองทัพก็น่าจะมีความพร้อมมากกว่าหน่วย อื่น ทั้งกำลังคนและเครื่องมืออุปกรณ์.
...