กกต.ตีแสกหน้าประชาธิปัตย์พ้นสมาชิกภาพ 13 คน ถือหุ้นสัมปทานรัฐ "สุเทพ" เด้งรองนายกฯ นายกฯมึนตึ้บไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร แนวโน้มโอกาส "ยุบสภา" สูง
ข่าว "เขย่าขวด" สุดสัปดาห์นี้ สถานการณ์บ้านเมืองดูท่าจะวุ่นวาย เพราะมีหลายเรื่องหลายราวประเดประดังเข้ามาพร้อมๆกัน
รัฐบาลจะเอาตัวรอดได้หรือไม่...นี่คือปัญหา
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่ภูเก็ต ซึ่งมีการเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึกถึงขั้นต้องนำกฎหมายความมั่นคงมาประกาศใช้
เพราะกลัว "เสื้อแดง" จะมาปิดประตูตีแมวเหมือนที่พัทยา จึงต้องป้องกันอย่างเต็มที่ หากเกิดอีกครั้งก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว
สู้อุตส่าห์หนีไปที่ภูเก็ตก็ยังไม่วาย
เหนืออื่นใด ปัญหาการเมืองที่รุมเร้าดูเหมือนว่าจะมีเรื่องใหญ่ที่ทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งแน่
นั่นคือการที่ กกต.ลงมติฟันฉับให้รัฐมนตรี และ ส.ส.ต้องพ้นจากสมาชิกภาพ เนื่องจากถือหุ้นบริษัทสัมปทานรัฐ
13 คนของประชาธิปัตย์ถือว่ามีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น มีเหลืออีกลอตหนึ่ง ซึ่งจะมีทั้ง ส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้าน หาก ส.ส.รัฐบาลโดนเข้าไปอีกมันคงจะป่วนพิลึก
สำหรับประชาธิปัตย์มีนักการเมืองคนสำคัญก็คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง
ที่สำคัญคือตำแหน่งผู้จัดการรัฐบาล
อีก 2 คนที่ดังไม่น้อยกว่ากันคือ ดร. ไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายจุติ ไกรฤกษ์ ซึ่งคนหลังนี้ผิดหวังกับเก้าอี้รัฐมนตรีมาแล้ว
แน่นอนว่า แม้จะยังต้องรอขั้นตอนคือให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีความผิดตามที่ กกต.ชี้หรือไม่ หากชี้ผิดก็เรียบร้อย รวมถึง 16 ส.ว. ที่กำลังจะมีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินสุดท้าย
อย่างไรก็ดี วุฒิสมาชิกกำลังหาวิธีการที่จะสู้อย่างสุดฤทธิ์เพื่อให้พ้นผิด ไล่ตั้งแต่ ประธานวุฒิสภาเลยทีเดียว
หากศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าผิดก็ต้องพ้นจากสมาชิกภาพ ซึ่งจะทำให้ต้องมีการเลือกตั้งและสรรหากันใหม่
นายกฯคงต้องประเมินสถานการณ์ว่าผลจะออกมาอย่างไร แม้หากจะสู้ต่อ หมายความว่าเลือกตั้งซ่อมแล้วรอฟังผลว่าจะเท่าเดิม หรือต้องสูญเสียที่นั่งอันจะทำให้มีผลกระทบต่อเสียงสนับสนุน
เพราะทุกวันนี้เสียงก็ปริ่มน้ำอยู่แล้ว ทำให้การประชุมสภาล่มมาหลายครั้ง และเป็นปัญหามาตลอด
ถ้าได้เท่าเดิม หรือน้อยกว่านิดหน่อยก็พอจะกล้อมแกล้มอยู่กันไปได้ แต่ถ้าหายไปเพราะแพ้เลือกตั้ง
มันจะยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่
นั่นก็หมายความว่าก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินนายกฯคงต้องตัดสินใจแล้วว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
"ยุบสภา" หรือเชิดหน้าเป็นรัฐบาลต่อไป
เหนืออื่นใด ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของเวลา หากศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาในการพิจารณานานล่วงเลยไปถึงปลายปี
นั่นก็หมายความว่างบประมาณผ่านเรียบร้อย เงินกู้ 8 แสนล้านเรียบร้อย การโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการผ่านฉลุย เศรษฐกิจของประเทศฟื้นขึ้นมาจนเห็นเป็นรูปธรรม
โอกาสที่นายกฯจะยุบสภาก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินก็มีความเป็นไปได้ แม้ว่าประชาธิปัตย์ต้องการจะอยู่ยาวก็ตาม
แต่แม้ว่าจะอยู่ต่อไปก็คงจะบริหารประเทศด้วยความลำบากมากขึ้น เพราะการตีรวนและความยุ่งยากทางการเมือง
เรียกว่าเข้าทางเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มั่นใจว่ารัฐบาลคงอยู่ไม่รอดจนถึงปลายปีแน่ จึงเปิดเกมรุกทุกรูปแบบ
หมายเผด็จศึกให้ได้ ยิ่งรัฐบาลยังกุมสภาพไม่ได้ยิ่งอันตราย
สงสัยว่า "บุญ" จะมีแค่นี้เอง!!!
"ลิขิต จงสกุล"
...