ต้องยอมรับว่า สังคมไทยยังอดสงสัยไม่ได้ กับท่าทีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 ที่ปากบอกว่า ไม่มีนโยบายเร่งนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  แต่การกระทำที่ผ่านๆมา ก็ต้องยอมรับว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์เหมือนกับมีความพยายามปูทาง ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้านได้รับการขอพระราชทานอภัยโทษให้ได้ โดยเฉพาะการที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม สั่งตั้งคณะทำงานศึกษากรณีดังกล่าวในทันที โดยไม่สนใจแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่


ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งคงอดที่จะคิดไปไม่ได้ ว่า ที่รัฐบาล ปู 1 โดยกระทรวงยุติธรรมดำเนินการในลักษณะนี้  เกิดจากมีการรับคำสั่งมาจากใครมาหรือไม่? ทั้งคนที่อยู่ในประเทศ หรือ พานคิดเลยไปถึงคนที่อยู่ต่างประเทศ ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด หากกฎหมายนิรโทษกรรม  หรือการขอพระราชทานอภัยโทษสามารถกระทำได้สำเร็จ แม้นายกรัฐมนตรีหญิงจะออกมายืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบาย หรือไม่ใช่เป้าหมายเร่งด่วนในการดำเนินการก็ตาม แต่การกระทำที่ผ่านมาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 ก็ถือเป็นตัวที่ทำให้ประชาชนคนไทยตัดสินได้ว่า กำลังทำเพื่อคนๆเดียวหรือไม่?  ซึ่งไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ

กับอีกด้านที่แยกกันไม่ออก การเคลื่อนไหวทางการเมืองของรัฐบาลชุดปัจจุบัน  กับ มวลชนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช. ที่เป็นไปแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ทั้งเรื่องเป้าหมายเพื่อการเรียกร้องให้พิจารณาแก้รัฐธรรมนูญ ด้วยการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ สสร. 3 เพื่อออกกฎหมาย นิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายน.ส.ยิ่งลักษณ์  หรือแม้แต่ กรณีสภาผู้แทนฯมีมติไม่ให้ส่งตัว 9 ส.ส.เพื่อไทยกลุ่มเสื้อแดงไปดำเนินคดีความว่า แม้ส.ส.ทั้ง 9 คน มีความประสงค์ไม่ขอใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง

...


โดย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  กล่าวแสดงความเห็น การยื่นฎีกาขออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ส่วนตัวไม่ขัดข้องที่จะยื่นฎีกาของพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ  เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ทำอะไรผิด แม้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาว่า มีความผิด แต่ศาลแพ่งพิจารณาแล้ว เห็นว่า ไม่มีการซื้อที่ดิน และสั่งให้คืนเงินให้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ จึงสรุปได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ทำสัญญาใดๆกับรัฐทั้งสิ้น


ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ระบุ "ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณากลับคำตัดสินคดีซื้อขายที่ดินรัชดาของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีใหม่ว่า ที่ศาลฎีกาฯตัดสินจำคุกพ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปีนั้น ไม่ใช่คดีทุจริต แต่เป็นการทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่กฎหมายอาญา ซึ่งต่อมาเมื่อศาลแพ่งตัดสินใจว่า สัญญาการซื้อขายที่ดินระหว่างคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ กับกองทุนฟื้นฟูฯเป็นโมฆะตั้งแต่ต้น เท่ากับว่า ไม่มีการซื้อขาย ทุกอย่างต้องกลับไปสู่จุดเดิม และให้กองทุนฟื้นฟูคืนเงินคุณหญิงพจมาน ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อขายแล้ว เพราะสัญญาเป็นโมฆะ แต่คดีที่ศาลฎีกาสั่งจำคุก 2 ปีในข้อหานี้ ซึ่งกำลังคิดว่า จะทำอย่างไรต่อไป คดีนี้ต้องให้ความเป็นธรรม พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องไปคิดกัน"

ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน โดยนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรค ปชป. ก็ชิงออกมาดักคอรัฐบาลทันที มีการยกกรณีการขอพระราชทานอภัยโทษของคดีอื่นที่มีความใกล้เคียงขึ้นมาเทียบ กับคดี พ.ต.ท.ทักษิณ  ยืนยันว่า หากจะเข้าเกณฑ์ขออภัยโทษ ผู้ต้องหาต้องยอมรับติดคุกก่อน เพราะในสมัย ที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็น รมว.มหาดไทย ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ ก็มีการพิจารณา กรณีญาติผู้ต้องหาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับบิดา ที่เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี ซึ่งสุดท้ายก็ยกคำร้อง เพราะไม่เข้าเกณฑ์เพราะผู้ต้องหายังไม่ได้รับโทษในเรือนจำ


ประกอบกับพ.อ.อภิวันท์ ยังได้กล่าวถึง กรณีสภาผู้แทนฯมีมติไม่ให้ส่งตัว 9 ส.ส.เพื่อไทยกลุ่มเสื้อแดงไปดำเนินคดี  ทั้งที่แกนนำทั้ง 9 ไม่ขอใช้เอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มครอง  อีกว่า  "เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบุคคล แต่เป็นเรื่องขององค์กร ซึ่งตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการไม่ให้อำนาจอื่น ทั้งฝ่ายบริหาร ตุลาการเข้ามาก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติ จึงไม่อนุญาตให้ส่งตัวไปดำเนินคดี ยืนยันไม่ได้เล่นละครตบตาประชาชน

" นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช.ไม่สบายใจ มาพูดกับตนในที่ประชุม ส.ส. แต่ตนย้ำว่า เป็นเรื่องของหลักการ และศักดิ์ศรีของรัฐสภาจะต้องเท่าเทียมกัน" พ.อ.อภิวันท์ กล่าว

ขณะที่อีกด้านก็ปรากฏข่าวแกนนำ นปช.ที่หลบหนีคดีไปพากันเดินทางกลับเข้าประเทศ โดยเฉพาะกระแสข่าว กรณีนายอริสมันต์  พงษ์เรืองรอง หรือ กี้ร์ แอบเดินทางกลับและยังคงหลบหนีการจับกุมอยู่ภายในประเทศ ร้อนถึงผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ต้องออกมาปฏิเสธข่าวลือ ว่า กี้ร์ไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่ยังคงกบดานอยู่ต่างประเทศ  ข่าวนี้น่าเป็นข่าวปล่อยเสียมากกว่า


กับปรากฏการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นเพราะรัฐบาลต้องการทำให้มันเป็นไปอย่างที่เห็นจริงๆหรือ เพราะมีฝ่ายตรงข้ามพยายามสร้างข่าวเพื่อดิสเครดิตล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ตามที่นายจตุพร พรหมพันธ์ุ พยายามปูดข่าวก็ตาม  สุดท้ายสังคมไทยจะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยทำไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนส่วนรวมหรือไม่?  หรือทำเพื่อเป้าหมายช่วยคนเพียงคนเดียว อย่างที่หลายฝ่ายพยายามออกมาโจมตี.