“สาทิตย์”ฉะนโยบายรัฐบาลไม่เร่งแก้ปัญหาคนยาก สร้างวาทกรรม “ไพร่ อำมาตย์” หลอกลวงคนจน หวังขึ้นครองอำนาจ “จตุพร” เปิดศึกวิวาทะเด็กปชป. ฉุนถูกกล่าวหาหลอกลวงคนจน...

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่า ชัยชนะพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งผ่านการสะสมมวลชนคนเสื้อแดงในหลายปี มีการสร้างประเด็นอำมาตย์ ไพร่ มีการสร้างวาทะกรรมสำคัญว่า อำมาตย์ไม่อยากเห็นคนหายจน จะต้องพึ่งพาอำมาตย์ตลอดชีวิต คำถามก็คือ นโยบายที่รัฐบาลชุดนี้แถลงต่อรัฐสภามีความแตกต่างจากนโยบายอำมาตย์ตรงไหน ตนดูนโยบายทั้งหมดแล้วรู้สึกผิดหวัง เพราะไม่มีการแก้ปัญหาคนยากจนที่เป็นคนสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเลย

ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 1.5 หมื่นบาท เป็นแค่เทคนิคทางการเมือง จะจับตาดูว่า จะเป็นเพียงการสร้างวาทกรรม หลอกลวงเรื่องไพร่ อำมาตย์ เอามวลชนมาเป็นฐานให้ตัวเองขึ้นมามีอำนาจ แล้วทิ้งคนจนหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ถือว่า หลอกลวงคนจน บาปที่สุด

จากนั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นมาอภิปรายทักท้วงทันทีว่า ตนมีสองสถานะทั้งคนเสื้อแดงและสมาชิกพรรคเพื่อไทย สิ่งที่พรรคเพื่อไทยประกาศไว้ ต้องรอให้ผ่านวันนี้ไปก่อนถึงจะเริ่มต้นได้

ตนไม่เคยเห็นปรากฎการณ์ที่รัฐบาลยังไม่เริ่มต้นทำงาน ก็ถูกสร้างเรื่องราวขึ้นมาใส่ร้ายมากมาย ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นอะไร แล้วจะมาหาว่า หลอกลวงได้อย่างไร ส่วนคำว่า ไพร่ อำมาตย์ เป็นเพียงการอธิบายว่า ความเหลื่อมล้ำจากปฏิบัติหน้าที่รัฐบาลชุดที่แล้ว

ทำให้นายเจ๊ะอาหมิง โต๊ะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงทันทีว่า การทักท้วงของจตุพร ต้องบอกว่าผิดข้อบังคับใด ไม่ใช่ขึ้นมาอภิปราย ซึ่งนายจตุพร ได้สวนกลับทันทีว่า การอภิปรายกับการทักท้วงเป็นคนละเรื่อง เป็นผู้แทนมานาน ทำไมยังฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง

ทำให้ นายเจ๊ะอาหมิง จึงขอให้ นายจตุพร ถอนคำพูด เพราะตนฟังภาษาคนรู้เรื่อง ไม่ใช่ลิงอุรังอุตัง พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง ในที่สุดนายจตุพร จึงยอมถอนคำพูดว่า นายเจ๊อาหมิง ไม่ใช่ลิงอุรังอุตัง

จากนั้น นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายนโยบายสื่อสารมวลชนว่า กรณีอีเมล์อื้อฉาวในวงสื่อสารมวลชนที่ถูกเปิดโปงออกมา ซึ่งมีรองโฆษกพรรคการเมืองหนึ่งเอาตัวเองเข้าไปยุ่ง ฟังแล้วไม่สบายใจ นึกไม่ถึงคนของพรรคนี้จะกล้าทำลายเพื่อนร่วมวิชาชีพตน แล้วดันมาเขียนในนโยบายว่า ส่งเสริมให้สื่อมวลชนตระหนักในจรรยาบรรณ แต่กลับมาทำลายศักดิ์ศรีสื่อมวลชนเอง

สุดท้ายเป็นห่วง รมต.ที่มากำกับดูแลสื่อ เพราะคนที่มาจากครม.ไม่ใช่ตัวจริง แต่ตัวจริงที่จะจัดระเบียบควบคุมสื่อ นั่งอยู่นอก ครม.เคยมีบทบาทสำคัญในการดูแลสื่อ ทั้งการแบ่งเค้กควบคุมคลื่นความถี่ กลัวว่า จะใช้ ปปง.ไปตรวจสอบธุรกรรมการเงินของสื่ออีก ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก

...