อยู่ในสภาพถูกกดดันอย่างหนัก ถึงกับ 1 ใน 5 เสือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง กกต. นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านการสืบสวนสอบสวน ต้องออกมาให้ข่าวเพื่อ ลดความกดดันที่พุ่งเป้าโดยตรง มาจากแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง นปช.ที่ถูกแขวนไว้ทั้ง 12 คน
โดยเฉพาะ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนสำคัญ ที่ชิงออกมาเป็น"หัวหมู่ทะลวงฟัน" ส่ง"รังสีอำมหิต" ข่มขู่ คณะกรรมการการเลือกตั้งเกือบทุกวัน ทำนอง" เราไม่ได้กดดัน กกต.แต่ กกต.กำลังกดดันประชาชนเพราะสิ่งที่ทำไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงหรือหลักเหตุผล อย่างนี้จะให้เข้าใจได้อย่างไร กรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ คดีอยู่ในชั้นศาลแต่ กกต.รับรอง ขณะที่ของพวกตนมีหลักฐานชัดเจน แต่ กกต.เล่นเกมบีบหัวใจ ซึ่งเกมนี้บีบความรู้สึกของประชาชนให้ตึงเครียดและเกิดอารมณ์เคียดแค้น ชิงชัง" สำทับด้วยหากไม่มีการรับรองผลการเลือกตั้งให้กับแกนนำนปช. โดยไม่มีเหตุอันควร อาจเกิด เรื่องใหญ่ได้ ใช้ยุทธวิธีเอาประชาชนอิงหลัง จุดเชื้อไฟเอาไว้ก่อน หาก กกต.ทั้ง5 คน มีมติ ออกมาไม่รับรองส.ส.กลุ่มแกนนำนปช. ทั้ง 12 คนจริงก็จะยกพวกมากดดัน ให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน
ร้อนจนทำให้ นายสมชัย ต้องออกมาปรับวอลุ่มให้เย็นลง เพื่อไม่ให้อุณหภูมิปรอทการเมืองแตก โดยไม่ลืมย้ำว่า เป็นความเห็นส่วนตัว ส่งสัญญาณไปยังกรรมการการเลือกตั้งคนอื่นๆว่า "อยากให้ กกต. ประกาศรับรองผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. ไปก่อน เพราะได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น ของขั้นตอนการรับสมัคร ส.ส. และพรรคการเมืองได้มีการรับรองคุณสมบัติแล้ว อีกทั้งอาจทำให้สังคมเกิดความสับสน
...
ขณะที่กรณีที่กลุ่ม นปช. เตรียมกดดัน หากไม่ประกาศรับรองแกนนำนั้น ขอให้มีการเคลื่อนไหวในกรอบของกฎหมาย ตนไม่ใช่พระอิฐพระปูน ยอมรับมันรู้สึกหวั่นไหว ที่มีกลุ่มต่างๆ ออกมากดดัน แต่ต้องทำหน้าที่ก่อนและต้องทำไปตามกฎหมาย เพราะประเทศไม่ได้เป็นอนาธิปไตย ความจริงต้องให้โอกาสคนที่ถูกร้องเรียน ได้เข้าชี้แจงข้อกล่าวหา"ขอความเห็นใจจากสังคม และประชาชน กลุ่มแนวร่วมนปช. ที่ตั้งท่ากดดันกัน เพราะกกต.ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย"
ยังดีที่ ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ1 พรรคเพื่อไทย ที่กกต.รับรองไปหมาดๆออกมาปรามกลุ่มแกนนำนปช. ให้ทุกคนรอผลการพิจารณาของ กกต. ไม่อยากให้มีการออกมากดดันการทำงาน เพราะเชื่อว่าคณะทำงานของ กกต.จะให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย อีกทั้งยังมีจำนวนผู้ที่ไม่ได้รับการรับรองอีกมาก กกต.ก็คงต้องเร่งทำงาน จึงอยากให้ กกต.ได้ทำงานอย่างเป็นอิสระก่อน สั่งเบรกกลุ่มแกนนำ นปช. เอาไว้ให้รอฟังผลก่อน ทำให้อุณหภูมิความร้อนแรงของการเมืองลดลงไปได้หลายขีด
ด้านหนึ่ง ส่งสัญญาณไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวาย เปิดเกมบี้ 5กกต. เกินงาม เพราะพรรคเพื่อไทยมีกลุ่ม แกนนำนปช.เหล่านี้ เป็นว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ในลำดับต้นๆ หากมีการยกพวกประท้วง ปิด กกต.จริง จำเลยสังคม คงหนีไม่พ้น นส.ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทย และ อาจลามกระทบชิ่ง ไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
อีกด้านก็น่าจะเป็นการ ประวิงเวลารอ ว่าที่ส.ส.ของพรรค และแกนนำคนเสื้อแดง ให้กกต.ประกาศ รับรองพร้อมๆกัน เพื่อที่จะเดินทางเข้าไปรายงานตัวในช่วงเช้าวันนี้ อย่างสง่าผ่าเผย และเป็นการซื้อใจมวลชนคนเสื้อแดง ไปในตัวด้วย
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมา จี้ ให้ นส.ยิ่งลักษณ์ สั่งเบรคแกนนำนปช.ไม่ให้ข่าวกดดันคณะกรรมการการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งวอนให้ทุกฝ่ายหยุด กดดันการทำงานของ กกต.
ขณะที่กองทัพ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผบ.ทอ. ถึงกับต้องออกมา เตือนดังๆ นปช.อย่าอ้างประชาธิปไตยใช้กฎหมู่กดดันกกต. ไม่ใช่อะไรที่ไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคิดก็จะเอากฎหมู่มา ซึ่งแบบนี้ไม่ถูกต้องอย่างมาก โดยประชาชนคนไทยต้องติดตามดูสิ่งที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ชี้ประชาชน ต้องการความสงบหมดขัดแย้ง
การที่ กกต. ยอมรับว่า รู้สึกหวั่นไหวต่อคำขู่ ของกลุ่มนปช. แล้วเมื่อวานกกต.พิจารณารับรองส.ส.เสื้อแดง อย่างเป็นทางการ จำนวน 6คน ประกอบด้วย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย น.พ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายพิชิฏ ชื่นบาน และนายวิเชียร ขาวขำ ยกเว้นแต่ในราย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทย ที่ตัวยังอยู่ในเรือนจำ เพราะหมิ่นเหม่ต่อกรณีการขาดคุณสมบัตินั้น ยังพ่วง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายพายัพ ปั้นเกตุ และ นายการุณ โหสกุล
ทำให้ล่าสุด กกต.รับรองส.ส.เพิ่มแล้ว อีกจำนวน32คน รวม 402 คน ยังต้องรับรองส.ส.เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 73 คน จึงครบ 475 คน หรือ 95% ซึ่งจะเปิดประชุมสภาฯได้ การที่คณะกรรมการการเลือกตั้งยังไม่รับรอง แกนนำเสื้อแดงระดับคนสำคัญเช่นนี้ เชื่อได้ว่ายังต้องมีแรงกดดันลูกใหญ่ของกลุ่ม นปช.ถาโถมตามมาอีกเป็นระลอกแน่ แต่ถ้ากกต.ทั้ง5มั่นใจว่าที่ทำไปถูกต้อง สามารถตอบคำถามสาธารณะชนได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร ผิดว่าตามผิด ถูกว่าตามถูก ถือเป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะรับรองส.ส.ให้ครบ
สุดท้ายแม้กระบวนการเปิดสภา เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สามารถดำเนินการไปได้ ทำให้สถานการณ์การเมืองของประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รัฐบาลใหม่เข้าบริหารประเทศอย่างที่ประชาชนคาดหวัง
แต่ก็ต้องฉุกคิดกันให้ดี เพราะนี่อาจเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ได้ในอนาคต ต่อไปเกิดมีใครไม่พอใจการทำงานขององค์กรจัดการเลือกตั้ง หรือองค์กรอิสระอื่นๆ เหตุเพราะตัดสินได้ไม่ตรงกับความต้องการของกลุ่มตนเอง แม้การตัดสินจะบริสุทธิ์-ยุติธรรมเพียงใด ถ้าไม่ชอบใจก็สามารถนำมวลชนมากดดันได้ ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนั้นอนาคตประเทศไทยลำบากแน่!