“ประวิตร”เชื่อเขมรรอไทยตั้งรัฐบาลใหม่ค่อยถกถอนกำลัง เผยเตรียมถก กต.ดำเนินการ ด้าน มทภ.2 รอคำสั่งรัฐบาลใหม่สั่งถอนกำลัง ยันชายแดนยังสงบ ไร้ตึงเครียด แจงเขมรขนเอ็มบี 21 มาชายแดนนานแล้ว ชี้แค่เตรียมการรบ ขณะที่โฆษก ทภ.2 ยันทหารไทยยังวางกำลังเข้มปกติ ...
วันที่ 18 ก.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ภายหลังที่ศาลโลกมีมติ ให้ไทย-กัมพูชา ถอนทหารออกจากบริเวณพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหารทั้งหมดว่า แนวทางการดำเนินการจะต้องหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพพร้อมดำเนินการในฐานะผู้ปฏิบัติ ขณะนี้ทหารดูแลพื้นที่ชายแดนตามปกติ ไม่ได้เสริมกำลังเพิ่มเติม และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนจะต้องหารือกับรมว.กลาโหมกัมพูชาเพื่อกำหนดแนวทางและระยะเวลาดำเนินการ ตามที่ศาลโลกมีคำวินิจฉัยหรือไม่นั้น ถ้ากัมพูชานัดมาก็พร้อมจะหารือ แต่เข้าใจว่ากัมพูชาคงรอให้การจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้นก่อน ซึ่งการถอนกำลังทหารออก ทั้งสองฝ่ายจะต้องดำเนินการร่วมกัน
พล.ท.ธวัช ชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีการถอนกำลังออกจากพื้นที่ข้อพิพาทดังกล่าว เนื่องจากต้องรอฟังคำสั่งจากรัฐบาล หากรัฐบาลสั่งการมาให้มีการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่เราอยู่ในฐานะผู้ปฏิบัติงานก็ต้องปฏิบัติตาม ทั้งนี้คิดว่าการถอนกำลังทหารคงยังไม่สามารถทำได้ภายใน 1 หรือ 2 วัน เพราะต้องมีการพูดคุยและสั่งการมาเป็นระดับชั้น โดยเฉพาะในส่วนของไทยคิดว่าน่าจะใช้เวลาสักระยะหนึ่ง เพราะเรื่องการถอนกำลังทหารคงไม่มีใครทำตามได้ทันที ทางกัมพูชาเองก็ต้องใช้เวลา ยิ่งกับไทยด้วยแล้วคิดว่าคงอีกนาน เพราะขณะนี้เราเพิ่งเลือกตั้งและยังไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ คงต้องรอให้จัดตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงสั่งการมาเป็นขั้นตอน โดยสั่งการผ่าน ผบ.ทบ. จากนั้น ผบ.ทบ.ก็จะสั่งการมายังระดับผู้ปฏิบัติงานอีกที ซึ่งในเรื่องนี้ขอให้ประชาชนอย่ากังวล เพราะเราทำตามคำสั่งรัฐบาลอยู่แล้ว สั่งมาอย่างไรเราก็ปฏิบัติตาม ไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า การที่ศาลโลกมีมติให้ทั้ง 2 ประเทศถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาทนั้นจะมีผลดีผลเสียต่อประเทสไทย อย่างไรบ้าง พล.ท.ธวัชชัย กล่าวว่า ในเรื่องของการตัดสินคงเป็นไปตามนั้น เขามีหน้าที่ตัดสินก็ตัดสินไป ตนไม่ขอวิจารณ์ เพราะเราทำตามคำสั่งของรัฐบาล ทำตามคำสั่งของ ผบ.ทบ. เขาสั่งมาอย่างไรเราทำตามนั้น เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า ทางกัมพูชาได้เคลื่อนรถถังกับรถบรรทุกปืนยิงจรวดชนิด 40 ลำกล้อง (บีเอ็ม 21) เข้ามาประชิดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงที่ศาลโลกกำลังมีคำตัดสิน
พล.ท.ธวัช ชัย กล่าวว่า ทางกัมพูชาได้เคลื่อนอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งรถบรรทุกปืนยิงจรวดชนิด 40 ลำกล้อง (บีเอ็ม 21) มาอยู่บริเวณชายแดนใกล้ประสาทพระวิหารมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ไม่ได้เพิ่งจะเคลื่อนย้ายเข้ามา ถือว่าเป็นการเตรียมการรบตามปกติของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งในส่วนของเราก็ไมได้ทำอะไรเพิ่มเติม อยู่เฉยๆ รักษาการตามปกติไม่ได้มีการเพิ่มหรือลดกำลังแต่อย่างใด สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงปกติขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก และไม่ต้องเป็นเป็นห่วงกองทัพมี การเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลาเพื่อรักษาอธิปไตยของไทย ขอให้ประชาชนสบายใจ และไม่ต้องเป็นห่วง
พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ขณะนี้ทางกองทัพภาคที่ 2 ยังคงปฏิบัติภารกิจวางกำลังในการดูแลรักษาพื้นที่ของตามแนวชายแดนปกติ และยังคงไม่มีการปฏิบัติการใดๆจนกว่า จะได้รับคำสั่งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกสั่งการลงมา ซึ่งยังอยู่มีขั้นตอนระหว่างรัฐบาลทั้งสองฝ่ายอีกมาก ทั้งนี้ทาง ผบ.ทบ.คงจะมีการพิจารณา ร่วมกับรัฐบาล เพื่อหารือว่า จะมีการปฏิบัติการอย่างไร ซึ่งขณะนี้กำลังในพื้นที่ตามแนวชายแดนมีความพร้อมตลอดเวลา หากผู้บังคับบัญชาสั่งการให้เราปฏิบัติการอย่างไร เราก็พร้อมปฏิบัติตาม แต่ขณะนี้เราเตรียมพร้อมขั้นต้นในการดูแลรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนตามปกติ และขณะนี้ตามแนวชายแดนยังไม่มีสถานการณ์ความตึงเครียดที่จะส่อไปในทางที่จะมีความรุนแรง
พ.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ทางกัมพูชา ได้นำรถถังกับรถบรรทุกปืนยิงจรวดชนิด 40 ลำกล้อง (บีเอ็ม 21) มาเสริมกำลังตามแนวชายแดนนั้น ความจริงยุทโธปกรณ์ของเขาก็อยู่บริเวณนั้นอยู่แล้ว และไม่ได้มีการเสริมเพิ่มเติมกำลังยุทโธปกรณ์อะไร เพียงแต่วันนี้เขานำมาเคลื่อนไหวในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเป็นการแสดงกำลังของเล็กน้อย ซึ่งไม่ได้ทำให้ทหารไทยตกใจ หรือกดดันแต่อย่างใด อีกทั้งช่วงนี้เป็นฤดูฝนกำลังทหารบางส่วนของกัมพูชาจะมีการสลับกำลังหมุนเวียนกันไปทำไร่ ทำนา ซึ่งจะทำแบบนี้อยู่ตลอด เป็นเรื่องปกติ สถานการณ์ขณะนี้ยังสงบเรียบร้อย ไม่มีอะไรตึงเครียด.
...